ผู้ประกันตนต้องรู้ โรคที่ประกันสังคมคุ้มครองและไม่คุ้มครอง 2568

ประกันสังคมที่เราส่งเงินสมทบกันอยู่ทุกเดือนนั้น มีสิทธิประโยชน์มากมายที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพของเรามากกว่าที่คิดนะครับเพื่อนๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราสามารถใช้สิทธิอะไรได้บ้าง วันนี้ ประกันติดโล่ ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรคที่ประกันสังคมคุ้มครองและไม่คุ้มครอง 2568 รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ และสิทธิในการตรวจสุขภาพที่ทุกคนเข้าถึงได้มาแนะนำกันแบบจัดเต็ม จะได้วางแผนสุขภาพและการเงินกันได้อย่างมั่นใจครับ
สิทธิประโยชน์ของประกันสังคมที่ควรรู้
ก่อนจะไปเจาะลึกเรื่องโรคที่ประกันสังคมคุ้มครอง เรามาทำความเข้าใจภาพรวมสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลจากประกันสังคมกันก่อนนะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วมีมากกว่าแค่การรักษาเมื่อเจ็บป่วย แต่ยังครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้วยครับ โดยหลักๆ แล้ว สิทธิที่เราจะได้รับ มีดังนี้ครับ
- กรณีเจ็บป่วยทั่วไป สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลตามสิทธิที่เราเลือกไว้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นกรณีนอกเหนือข้อตกลง) ซึ่งรวมถึง
- การตรวจวินิจฉัยโรค
- การรักษาพยาบาล ทั้งแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD)
- ค่ายาและเวชภัณฑ์ตามบัญชียาหลักแห่งชาติ
- การทำหัตถการและการผ่าตัด (ตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์)
- กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ โดยสำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงแรกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
- ค่าทำฟัน (ทันตกรรม) ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่าทำฟันได้ 900 บาทต่อปี สำหรับการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด โดยไม่ต้องสำรองจ่ายในสถานพยาบาลที่ทำข้อตกลง หรือนำใบเสร็จมาเบิกกับสำนักงานประกันสังคม
- การคลอดบุตร ประกันสังคมให้สิทธิประโยชน์สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ทั้งค่าฝากครรภ์ และค่าคลอดบุตร
- เงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีเจ็บป่วยจนต้องหยุดงานตามคำสั่งแพทย์ ก็มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้
- กรณีทุพพลภาพ หากเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุจนทุพพลภาพ ก็จะได้รับเงินทดแทนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามเงื่อนไข
- กรณีเสียชีวิต ทายาทมีสิทธิได้รับค่าทำศพและเงินสงเคราะห์
ประกันสังคมครอบคลุมโรคอะไรบ้าง

ทีนี้มาถึงคำถามสำคัญที่หลายคนอยากรู้ว่า แล้วประกันสังคมครอบคลุมโรคอะไรบ้าง? เพื่อให้ผู้ประกันตนได้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ประกันติดโล่ ได้รวบรวมรายชื่อกลุ่มโรคและอาการเจ็บป่วยที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของประกันสังคมโดยครอบคลุมรายการดังนี้
- โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคตับอักเสบเรื้อรังและโรคตับแข็ง (Chronic hepatitis, Cirrhosis of liver)
- โรคภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive heart failure)
- โรคเส้นเลือดสมองแตก/อุดตัน (Cerebrovascular accident)
- โรคมะเร็ง (Malignancy)
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS)
- โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema)
- โรคไตวายเรื้อรัง (Chronic renal failure)
- โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease)
- โรคมายแอสทีเนีย เกรวิส (Myasthenia gravis)
- โรคเบาจืด (Diabetes insipidus)
- โรคมัลติเพิล สเคลอโรลิส (Multiple sclerosis)
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
- โรคต้อหิน (Glaucoma)
- โรคไต เนฟโฟรติค (Nephrotic syndrome)
- โรคลูปัส (SLE)
- โรคเลือดอะพลาสติก (Aplastic anemia)
- โรคทาลาสซีเมีย (Thalassemia)
- โรคฮีโมฟิลเลีย (Hemophilia)
- โรคเรื้อนกวาง (Psoriasis)
- โรคผิวหนังพุพองเรื้อรัง (Chronic vesiculobullous disease)
- โรคเลือดไอทีพี (ITP)
- โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Thyrotoxicosis)
- โรคจิตตามบัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศฉบับแก้ไขครั้งที่ 10 (ICD 10)
14 โรคยกเว้นที่ประกันสังคมไม่ครอบคลุมมีอะไรบ้าง

แม้ว่าประกันสังคมจะคุ้มครองโรคส่วนใหญ่ แต่ก็มีกลุ่มโรคและบริการบางอย่างที่อยู่นอกเหนือความคุ้มครอง หรือโรคยกเว้นจากประกันสังคม โดยมี 14 โรคและบริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ ดังนี้ครับ
- โรคหรือการเจ็บป่วยและได้รับอันตราย จากการใช้สารเสพติด
- โรคเดียวกันที่ต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวในโรงพยาบาลประเภทคนไข้ใน 180 วัน ในหนึ่งปี ยกเว้น กรณีที่มีความจำเป็นตามดุลยพินิจของคณะกรรมการการแพทย์
- การบำบัดทดแทนไต กรณีไตวายเรื้อรังที่ไม่ใช่ระยะสุดท้าย
(ยกเว้น กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้มีสิทธิได้รับบริการทางการแพทย์โดยการบำบัดทดแทนไต ด้วยวิธี- การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
- การล้างช่องท้องด้วยน้ำยาอย่างถาวร
- การปลูกถ่ายไต
- การกระทำใด ๆ เพื่อเสริมความงามโดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์
- การรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการค้นคว้าทดลอง
- การรักษาภาวะมีบุตรยาก
- การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
(ยกเว้น การตรวจเนื้อเยื่อเพื่อการปลูกถ่ายไขกระดูก) - การตรวจใด ๆ ที่เกินกว่าความจำเป็นในการรักษาโรคนั้น
- การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ
(ยกเว้น- การปลูกถ่ายไขกระดูก ผ่านสถานพยาบาลที่คณะกรรมการการแพทย์รับรอง และได้ตกลงไว้กับสำนักงานในการให้บริการทางการแพทย์
- การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะกระจกตา)
- การเปลี่ยนเพศ
- การผสมเทียม
- การบริการระหว่างรักษาตัวแบบพักฟื้น
- ทันตกรรม
(ยกเว้น การถอนฟัน การอุดฟัน การขูดหินปูนและผ่าฟันคุด ให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับค่าบริการทางการแพทย์เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 900 บาทต่อปี) - แว่นตา
ใช้สิทธิประกันสังคมตรวจสุขภาพได้ไหม

นอกเหนือจากการดูแลรักษาเมื่อเจ็บป่วยตามสิทธิประกันสังคมคุ้มครองแล้ว รู้หรือไม่ว่าผู้ประกันตนยังสามารถใช้สิทธิในการตรวจสุขภาพประจำปีได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วยนะครับ โดยเงื่อนไขและรายการตรวจสุขภาพที่ประกันสังคมมอบให้ มีดังนี้
เงื่อนไขการเข้ารับบริการตรวจสุขภาพ
- เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39
- สามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพได้ ณ สถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพกับสำนักงานประกันสังคม (ไม่จำเป็นต้องเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิก็ได้ สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการได้กับประกันสังคม)
1. ตรวจร่างกายทั่วไป (General Physical Examination)
- ตรวจคัดกรองทางการได้ยิน (Finger Rub Test)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
- ตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 30-39 ปี ตรวจฟรี ทุก 3 ปี
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 40-54 ปี ตรวจฟรีทุกปี
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจฟรีตามความเหมาะสมหรือมีความเสี่ยง
- การตรวจตาโดยความดูแลของจักษุแพทย์
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 40-54 ปี ตรวจฟรี 1 ครั้ง
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจฟรีทุก 1-2 ปี
- การตรวจสายตาด้วย Snellen eye chart
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจฟรีทุก 1 ครั้งต่อปี
2. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Tests)
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 – 54 ปี ตรวจฟรี 1 ครั้ง
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 – 70 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
- การตรวจปัสสาวะ (Urine Analysis)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
3. การตรวจสารเคมีในเลือด (Blood Chemistry Tests)
- ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (FPG)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 35 – 54 ปี ตรวจฟรีทุกๆ 3 ปี
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
- ตรวจการทำงานของไต (CR)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
- ตรวจไขมันในเส้นเลือดชนิด (Total & HDL Cholesterol)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ตรวจฟรีทุกๆ 5 ปี
4. การตรวจอื่นๆ (Other Tests)
- ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบ (HBsAG)
- สำหรับผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ. 2535 ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก หรือ (Pap Smear)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 30 – 54 ปี ตรวจฟรีทุกๆ 3 ปี
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ตรวจตามความเหมาะสมหรือตามความเสี่ยง
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก วิธี Via
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 30 – 54 ปี ตรวจฟรีทุกๆ 5 ปี
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจ Pap Smear
- ตรวจเลือดในอุจจาระ (FOBT)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
- ตรวจเอกซเรย์ปอด (Chest X-Ray)
- สำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจฟรี 1 ครั้งต่อปี
การตรวจสุขภาพเป็นประจำจะช่วยให้เรารู้ทันความเสี่ยง และสามารถป้องกันหรือรักษาโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าลืมไปใช้สิทธิกันนะครับ!
สรุปโรคที่ประกันสังคมคุ้มครองและไม่คุ้มครอง 2568
จากข้อมูลทั้งหมดที่ประกันติดโล่ได้รวบรวมมา จะเห็นได้ว่าสิทธิประกันสังคมที่เรามีนั้น มีความครอบคลุมการดูแลสุขภาพในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่การรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วยด้วยโรคที่ประกันสังคมคุ้มครอง ไปจนถึงการตรวจสุขภาพเพื่อป้องกันโรค เมื่อเราทำความเข้าใจกับโรคภัยที่กำลังเผชิญจะช่วยให้เราวางแผนชีวิตและสุขภาพในยามเจ็บป่วยได้อย่างอุ่นใจมากขึ้นสำหรับโรคร้ายแรงที่อาจคาดเดาไม่ได้ หรือการรักษาที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงเกินกว่าสิทธิประกันสังคมจะครอบคลุม เช่น ค่าห้องพิเศษ ค่ายานอกบัญชี หรือเทคโนโลยีการรักษาใหม่ๆ การมีประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรงเพิ่มเติมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจ รับมือได้ด้วยประกันโรคมะเร็งจากประกันติดโล่ ที่ให้ความคุ้มครองครบ ดูแลครอบคลุม เจอ จ่าย รับก้อนแรกทันที พร้อมดูแลต่อเนื่อง ให้คุณหมดกังวลเรื่องค่ารักษา สามารถวางแผนการใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวลเมื่อโรคร้ายมาเยือนครับ
ที่มา: SSO, INFO PORTAL, e-Labour