วิธีคำนวณภาษี และรายการลดหย่อนภาษี 2567 บุคคลธรรมดา
อย่างที่ทราบกันดีว่าทุก ๆ ต้นปี คนไทยทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องยื่นภาษี สำหรับค่าลดหย่อนภาษี 2567 บุคคลธรรมดามีอะไรบ้าง? แต่ละอย่างมีเงื่อนไขยังไง? ควรตรวจสอบรายการลดหย่อนภาษีในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะกลุ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่ในแต่ละปีรัฐบาลจะออกมาตรการใหม่ ๆ ล่าสุดคือ Easy E-Receipt เป็นโครงการประจำปี 2567 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีในปี 2568 มาทำความเข้าใจเพื่อเตรียมตัวยื่นภาษี ที่แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเรียนรู้ได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองกันครับ
วิธีคำนวณภาษีเบื้องต้นด้วยตัวเอง
ต้องทำการคำนวณเพื่อหาเงินได้สุทธิออกมาก่อน ดังนี้
รายได้รวมทั้งปี – รายจ่ายทั้งปี – ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ
จากนั้นจึงทำการคำนวณว่าเราจะต้องจ่ายภาษีเท่าไหร่ ดังนี้
เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย
เรามาดูกันว่า สำหรับผู้ที่กำลังจะยื่นภาษี ค่าลดหย่อนภาษี 2567 บุคคลธรรมดามีอะไรบ้าง และสามารถลดหย่อนได้มากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะได้คำนวณภาษีล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง โดยสิทธิ์ในการลดหย่อนนั้นจะแยกออกเป็นหมวดหมู่ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้
- กลุ่ม ภาระส่วนตัวและครอบครัว
- กลุ่ม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
- กลุ่ม ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการลงทุน
- กลุ่ม สำหรับการบริจาค
- กลุ่ม อสังหาริมทรัพย์
กลุ่มภาระส่วนตัวและครอบครัว
แบ่งออกได้ 6 สิทธิ์ ได้แก่
1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว
จำนวนลดหย่อน: 60,000 บาท
เงื่อนไข: ลดหย่อนทันทีสำหรับผู้มีเงินได้ที่ทำการยื่นภาษี
2. ค่าลดหย่อนคู่สมรส
จำนวนลดหย่อน: 60,000 บาท
เงื่อนไข: สำหรับสามี – ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย โดยคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้ หรือมีแต่ยื่นภาษีแบบแสดงรายการแบบรวมกัน
3. ค่าลดหย่อนบุตร
จำนวนลดหย่อน: 30,000 บาทต่อบุตร 1 คน (ไม่จำกัดจำนวนบุตร)
เงื่อนไข:
- ถ้าเป็นบุตรตามกฎหมายสามารถนำมาลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวนคน (นับทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่)
- ถ้าเป็นบุตรบุญธรรมนำมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน (นับเฉพาะบุตรที่มีชีวิตอยู่)
- ถ้ามีทั้งบุตรตามกฎหมาย และบุตรบุญธรรม ให้นำบุตรตามกฎหมายทั้งหมดมาหักภาษีก่อน แล้วจึงนำบุตรบุญธรรมมาหัก โดยรวมกันได้ไม่เกิน 3 คน
- ถ้ามีบุตรตามกฎหมายเกินกว่า 3 คนขึ้นไป จะนำบุตรบุญธรรมมาหักภาษีไม่ได้
เงื่อนไข:
สำหรับการนำบุตรที่มีมาใช้ในการลดหย่อนภาษีนั้น ตัวบุตรจะต้องมีคุณสมบัติต่าง ๆ ดังนี้
- บุตรจะต้องมีอายุระหว่างแรกเกิด จนถึง 20 ปี
- ถ้าบุตรมีอายุ 21 – 25 ปี ต้องศึกษาในระดับอนุปริญญา (ปวส.) ขึ้นไป
- ถ้าบุตรมีอายุเกินกว่า 25 ปี ต้องเป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ
- บุตรต้องไม่มีเงินได้ในปีภาษีนั้นเกินกว่า 30,000 บาทขึ้นไป หรือรายได้ที่มีนั้นได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย เช่น เงินที่ได้รับจากพ่อแม่ หรือเงินปันผล
4. ค่าลดหย่อนฝากครรภ์ และคลอดบุตร
จำนวนลดหย่อน: สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท
เงื่อนไข: หักตามค่าใช้จ่ายจริง ทั้งค่าตรวจครรภ์ ค่าฝากครรภ์ ค่าทำคลอด ค่าบำบัดทางการแพทย์ การพักฟื้นภายในโรงพยาบาล แต่สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท
5. ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบิดา – มารดา
จำนวนลดหย่อน: 30,000 บาทต่อบิดา – มารดา 1 คน โดยสามารถนับรวมบิดา – มารดาของคู่สมรสด้วยได้ (รวมสูงสุดไม่เกิน 120,000 บาท)
เงื่อนไข: บิดา – มารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ทันทีสำหรับผู้มีเงินได้ที่ทำการยื่นภาษี
6. ค่าอุปการะผู้พิการ หรือทุพพลภาพ
จำนวนลดหย่อน: 60,000 บาทต่อคน
เงื่อนไข:
- ผู้ทุพพลภาพต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ
- ต้องเป็นผู้ที่ดูแลคนพิการตามกฎหมายว่าด้วย “การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ”
กลุ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
มีด้วยกัน 1 สิทธิ์ ได้แก่
1. มาตรการ “ช้อปดีมีคืน”
จำนวนลดหย่อน: ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาทต่อคน
เงื่อนไข:
- สำหรับการซื้อสินค้าระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 – 15 กุมภาพันธ์ 2566
- ซื้อสินค้าหรือบริการ 30,000 บาท โดยจะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ แบบกระดาษ หรือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ แบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ออกผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร
- ซื้อสินค้าหรือบริการได้อีก 10,000 บาท แต่จะต้องมีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ แบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ที่ออกผ่านระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) ของกรมสรรพากร
- สินค้าหรือบริการที่ซื้อต้องเป็นดังนี้
- สินค้าหรือบริการทุกประเภทที่ซื้อจากร้านค้าที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- บิลค่าน้ำมัน ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์
- หนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ รวมถึง eBook (ยกเว้น นิตยสารและหนังสือพิมพ์) จากร้านที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่สามารถออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบได้
- สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน และมีหลักฐานเป็นใบเสร็จรับเงิน หรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ
- สินค้าที่ไม่เข้าร่วม ได้แก่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ยาสูบ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือ ค่าที่พักโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
ช้อปดีมีคืนปี 2566 นำมาลดหย่อนภาษี 2567 เงินติดล้อสรุปให้
สำหรับใครที่เข้าร่วมโครงการช้อปดีมีคืนปี 2566 ซื้อสินค้าหรือบริการจากร้านค้าที่ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ ภายในวันที่ 1 มกราคม 2566 – 15 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถนำหลักฐานมายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคมของปี 2567 ได้
กลุ่มประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการลงทุน
แบ่งออกได้ 9 สิทธิ์ ดังนี้
1. เงินประกันสังคม
จำนวนลดหย่อน: ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท
2. เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากแบบมีประกันชีวิต
จำนวนลดหย่อน: ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
3. เบี้ยประกันสุขภาพตนเอง
จำนวนลดหย่อน: ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
*** ข้อ 2 และ 3 รวมกันแล้วลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
4. เบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่
จำนวนลดหย่อน: ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท
5. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
จำนวนลดหย่อน: ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
6. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
จำนวนลดหย่อน: ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
7. กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ / กบข. / สงเคราะห์ครูเอกชน
จำนวนลดหย่อน: ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท สามารถสะสมเพิ่มได้โดยขอเปลี่ยน % ที่กำหนดไว้กับนายจ้าง
8. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)
จำนวนลดหย่อน: ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 13,200 บาท
9. กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
จำนวนลดหย่อน: ลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
*** ข้อ 5 – 9 รวมกันแล้วลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
รู้หรือไม่? ประกันรถยนต์ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้
ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยรู้ว่า การซื้อการซื้อประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะ ประกันรถชั้น 1 ประกันชั้น 2+ หรือ ประกันชั้น 3+ ถ้ารถยนต์นั้นเป็นชื่อของบริษัท สามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทได้ แต่ถ้าเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล จะสามารถยื่นลดหย่อนภาษีถ้าพิสูจน์ได้ว่า รถยนต์นั้นใช้ในการประกอบการงาน หรือกิจการจริง ๆ
กลุ่มสำหรับการบริจาค
แบ่งออกได้ 3 สิทธิ์ ได้แก่
1. เงินบริจาคทั่วไป
จำนวนลดหย่อน: ตามที่บริจาคจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
เงื่อนไข: สำหรับการบริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล ได้แก่ มูลนิธิต่าง ๆ สถานสงเคราะห์ สมาคม หรือวัดวาอาราม
2. เงินบริจาคให้แก่การศึกษา กีฬา พัฒนาสังคม โรงพยาบาลรัฐ
จำนวนลดหย่อน: 2 เท่าของยอดที่บริจาคจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
3. เงินบริจาคสนับสนุนพรรคการเมือง
จำนวนลดหย่อน: ตามที่บริจาคจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
แบ่งออกได้ 1 สิทธิ์ ได้แก่
1. ดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย
จำนวนลดหย่อน: ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไข:
- สำหรับสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อบ้าน คอนโด หรือที่อยู่อาศัยเท่านั้น
- ต้องเป็นสินเชื่อที่กู้ยืมจากสถาบันทางการเงินภายในประเทศเท่านั้น
- ถ้ามีการกู้มากกว่า 1 แห่งสามารถนำมาใช้ลดหย่อนรวมกันได้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- กรณีกู้ร่วม จะแบ่งดอกเบี้ยออกเท่า ๆ กันตามจำนวนผู้กู้ แต่รวมแล้วแต่ละคนจะลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 100,000 บาท
สรุป ค่าลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา 2567
การตรวจสอบรายการลดหย่อนภาษี 2567 บุคคลธรรมดาข้างต้น จะช่วยให้คุณใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีที่มีได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคมที่หลายคนต้องจ่ายอยู่แล้ว เพียงเช็คสิทธิประกันสังคมออนไลน์ด้วยตัวเอง ให้คุณเตรียมตัวยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง ตรงตามกำหนดเวลา ป้องกันการโดนปรับ หรือโดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลังซึ่งไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน และอย่าลืมวางแผนทำประกันชีวิต หรือวางแผนทำประกันสุขภาพ ค่าเบี้ยประกันเพียง 15,000 บาทต่อปี จ่ายเบี้ยราคาเดียวทุกช่วงอายุ ให้คุณได้รับทั้งความคุ้มครอง และสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
ที่มา: กรมสรรพากร, ไทยรัฐ