ขับรถลุยน้ำท่วมต้องเช็กรถยังไง ถ้ารถพังประกันจ่ายไหม?
วันฝนตกถือเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงสำหรับคนขับรถนอกจากระวังการขับรถตกข้างทาง ขับรถชนเสาไฟฟ้า หรือขับรถชนท้ายเพราะถนนลื่นแล้ว ควรเตรียมใจขับรถลุยน้ำท่วมอีกด้วย ซึ่งการขับรถลุยน้ำท่วมเสี่ยงต่อความเสียหายของรถยนต์มากๆ บางคนกลัวว่าถ้ารถน้ำท่วมจนรถพังประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครอง เลยหาวิธีดูแลรถหลังลุยน้ำท่วม ดังนั้น เพื่อรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ นี่คือเรื่องที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับวิธีดูแลรถหลังขับรถลุยน้ำท่วมว่าทำยังไง แล้วถ้ารถพังเพราะน้ำท่วมประกันรถยนต์จ่ายไหมนะ?
เช็กเลย! 4 วิธีดูแลสภาพรถยนต์สุดที่รักหลังขับรถลุยน้ำท่วม
ไม่มีใครอยากขับรถลุยน้ำท่วมแล้วเสี่ยงให้รถพัง แต่สถานการณ์ตอนนั้นคุณจำใจ เพราะว่าเมื่อเปิดแอปเช็กปริมาณน้ำฝน พื้นที่ฝนตก พบว่าละแวกบ้านมีโอกาสน้ำท่วม เลยรีบขับรถลุยน้ำท่วมเพื่อกลับไปวิดน้ำที่บ้าน หรือยกของขึ้นที่สูงเพื่อให้ทรัพย์สินเสียหายน้อยที่สุด บางคนจดจ่อกับการวิดน้ำเลยไม่ได้สนใจสภาพรถยนต์หลังขับรถลุยน้ำ ถ้าน้ำเข้าเครื่องยนต์มีหวังรถพังแน่ๆ! และนี่คือ 5 วิธีดูแลขับรถลุยน้ำท่วม
ขับรถลุยน้ำท่วมแล้ว ต้องตรวจสอบระบบเบรครถยนต์
เมื่อขับรถพ้นจุดน้ำท่วมแล้ว อย่าเพิ่งออกตัวรถด้วยความเร็ว แต่ให้คุณเหยียบเบรครถยนต์ซ้ำๆ เพื่อไล่น้ำเพราะผ้าเบรครถที่เปียกน้ำนั้นสูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน ถ้าออกตัวรถด้วยความเร็วในขณะถนนลื่นมีโอกาสที่เบรคไม่เกาะถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อเหยียบเบรคไล่น้ำแล้ว ควรออกตัวรถอย่างช้าๆ หากถึงที่หมายแล้วเบรคยังผิดปกติ ควรเรียกช่างซ่อมรถมาเช็กระบบรถยนต์
วิธีดูแลรถหลังขับลุยน้ำท่วม อย่าลืมดูแลเครื่องยนต์ด้วย
เมื่อถึงที่หมายแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ ควรปล่อยให้ความร้อนไล่ความชื้นออกจากรถก่อน เช่น ความชื้นจากท่อไอเสียรถยนต์ ต่อให้คาดการณ์แล้วว่าความสูงของน้ำแค่ครึ่งล้อรถยนต์ยังไงก็ไม่ท่วม แต่ตอนขับรถสวนกันน้ำอาจไหลเข้าท่อไอเสียจนเกิดปัญหาภายหลัง หรือถ้ารถกระตุกเร่งเครื่องไม่ขึ้นให้วัดระดับน้ำมันเครื่องโดยด่วน หากสีเหมือนกาแฟใส่นมแสดงว่า เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายแล้ว ควรรีบไปอู่ซ่อมรถจะดีกว่า
หลังขับรถลุยน้ำท่วม ควรเช็กห้องโดยสารแล้วไล่ความชื้น
หากคุณขับรถลุยน้ำท่วม แล้วกลัวว่าน้ำจะไหลทะลักเข้ามาในห้องโดยสาร ให้ขับอย่างช้าๆ แต่ปริมาณน้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าน้ำท่วมบนถนนมีปริมาณเท่าไหร่ หากสูงไม่เกิน 20 ซม. เท่ากับว่าระดับน้ำอยู่ประมาณครึ่งล้อรถยนต์ ถือว่าเป็นระดับที่ปลอดภัย แต่มีโอกาสที่จะมีน้ำอยู่ใต้พรม ให้คุณนำพรมออกมาตากแดด แล้วเปิดประตูรถทั้งสี่ข้างเพื่อระบายอากาศเพื่อไล่ความชื้นในห้องโดยสาร เป็นต้น
ขับรถลุยน้ำท่วมอย่าวางใจ เช็กระบบไฟฟ้าก่อนจะช็อต
ถือว่าโชคดีมากที่คุณขับรถลุยน้ำท่วมแล้วรถไม่ดับ แต่อย่าลืมเช็กระบบไฟฟ้าของรถว่าได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมไหม โดยดูที่กล่องควบคุมระบบไฟฟ้า หรือ ECU (Electronic Control Unit) ที่เป็นอุปกรณ์ควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของรถ ถ้าเปียกต้องรีบเช็ด และเช็กระบบไฟภายนอกของรถด้วย หากไม่อยู่ในสภาพเดิมให้รีบถอดขั้วต่อแบตเตอรี่รถออกก่อน แล้วให้ช่างดูแลในลำดับถัดไป
น้ำท่วมรถ น้ำเข้ารถ ขับรถลุยน้ำแล้วรถพัง ประกันจ่ายไหม?
ขับรถลุยน้ำท่วม น้ำเข้ารถจนรถพัง ประกันรถยนต์จะจ่ายไหม? เรื่องนี้อยู่กับว่าซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ประเภทไหนไว้ เพราะประกันรถแต่ละประเภทให้ความคุ้มครองไม่เท่ากัน เช่น ประกันรถชั้น 1 คุ้มครองที่คุ้มครองทุกกรณี ทั้งรถไฟไหม้ รถน้ำท่วม รถชนรถ หรือขับรถชนแบบไม่มีคู่กรณี เป็นต้น
แต่คำถามคือ ถ้าขับรถลุยน้ำท่วมหรือน้ำท่วมรถจนรถพัง ประกันจะจ่ายไหม หากซื้อประกันรถชั้น 2+ ที่เบี้ยประกันเริ่มต้น 5,680 บาทต่อปี ผ่อนสด 0% ได้นานสูงสุด 6 เดือนจากประกันติดโล่ คำตอบคือ “จ่าย” ถึงแม้ว่าเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะถูกกว่าเบี้ยประกันรถชั้น 1 เกือบครึ่งก็ตาม ขอให้คุณสบายใจเรื่องนี้ได้เลย!
ในกรณีที่ขับรถลุยน้ำหรือน้ำท่วมรถจนรถพัง ความคุ้มครองของประกันรถยนต์จะแบ่งความเสียหายออกเป็น 2 กรณี คือความสูญเสียโดยสิ้นเชิงกับความเสียหายบางส่วน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
ความเสียหายบางส่วนที่เกิดจากการขับรถลุยน้ำท่วม
ขับรถลุยน้ำท่วมแต่ซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ บริษัทประกันจะจัดให้กรณีนี้ให้เป็นความเสียหายบางส่วนและออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทั้งค่าซ่อมระบบเครื่องยนต์รถ ระบบไฟฟ้า หรือการทำความสะอาดรถยนต์ หลังจากซ่อมรถยนต์ที่น้ำท่วมแล้วพบว่าการใช้งานติดขัด สามารถเคลมความเสียหายแบบต่อเนื่องได้*
ความเสียหายโดยสิ้นเชิญที่เกิดจากการน้ำท่วมรถ
ถ้าการขับรถลุยน้ำท่วมอยู่ในระดับแค่ครึ่งล้อจะไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ แต่ถ้าจอดรถไว้แล้วน้ำท่วมรถมิดคัน ทำให้คอนโซลหน้ารถยนต์เสียหาย ห้องโดยสารรถยนต์พังยับเยิน บริษัทประกันเลยจัดให้เป็นความเสียหายโดยสิ้นเชิง เพราะประเมินแล้วว่าไม่คุ้มค่าหากต้องซ่อมรถ โดยบริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้ 70-80% ของเงินทุนประกัน รถคันนี้จะตกเป็นทรัพย์สินเป็นของบริษัทประกันไปโดยปริยาย
*การเคลมประกันรถในกรณีนี้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน*
สรุป
ประกันติดโล่เข้าใจดีว่าไม่มีใครอยากขับรถลุยน้ำท่วม แต่คนเราต่างก็มีเหตุผลที่ต่างกัน ดังนั้น เมื่อขับรถลุยน้ำท่วมจนถึงที่หมายแล้ว ควรหาวิธีดูแลรถยนต์หลังลุยน้ำแล้วรีบจัดการ เพื่อให้ระบบต่างๆ ของรถยนต์ไม่พัง ยิ่งถ้าคุณไม่มีประกันรถยนต์เอาไว้เลย แน่นอนว่าต้องจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด แต่ถ้ามีประกันรถยนต์เอาไว้ เช่น ประกันรถชั้น 2+ ที่คุ้มครองน้ำท่วมรถ น้ำเข้ารถจนรถพัง คุณสามารถใช้สิทธิ์เคลมประกันรถน้ำท่วมได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : สมาคมประกันวินาศภัย