พ.ร.บ. กับ ภาษีรถยนต์ ต้องต่อพร้อมกันมั้ย ตอบครบในที่เดียว

สำหรับคนมีรถทุกคน เมื่อใกล้ถึงวันครบรอบต่อทะเบียนรถในแต่ละปี มักจะมีเรื่องสำคัญ 2 อย่างที่ต้องจัดการเสมอ นั่นก็คือ “พ.ร.บ.” และ “ภาษีรถยนต์” ครับ ซึ่งก็มักจะเกิดคำถามยอดฮิตตามมาว่า ทั้งสองอย่างนี้จำเป็นต้องทำในวันเดียวกันเลยหรือเปล่า? หรือแยกกันทำได้ไหม? บทความนี้จากประกันติดโล่จะมาไขทุกข้อสงสัยให้กระจ่าง เพื่อให้คุณจัดการทุกอย่างได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดแน่นอนครับ

ทำความรู้จัก พ.ร.บ. และ ภาษีรถยนต์ ต่างกันอย่างไร

ก่อนที่เราจะไปตอบคำถามที่ว่า พ.ร.บ. กับ ภาษี ต้องต่อพร้อมกันมั้ย เรามาทำความรู้จักความหมายและหน้าที่ของทั้งสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนี้กันก่อนดีกว่าครับ จะได้เข้าใจความสำคัญของแต่ละอย่างมากขึ้น

พ.ร.บ. รถยนต์

พ.ร.บ. รถยนต์ คือ การประกันภัยภาคบังคับตาม “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” ที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมีครับ โดยจะให้ความคุ้มครอง “คน” ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก โดยไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับตัวรถยนต์

ภาษีรถยนต์ประจำปี

ภาษีรถยนต์ คือ การชำระภาษีประจำปีที่เราต้องจ่ายให้กับกรมการขนส่งทางบก เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในการบำรุงรักษาและพัฒนาถนนหนทาง รวมถึงระบบคมนาคมของประเทศให้ดียิ่งขึ้น เมื่อชำระเรียบร้อยแล้วก็จะได้ป้ายวงกลมหรือป้ายภาษีเพื่อยืนยันว่ารถทะเบียนนี้มีการชำระภาษีเรียบร้อยแล้ว หากไม่มีป้ายภาษีที่อัปเดตเป็นปีปัจจุบัน จะถือว่าเป็นการใช้รถที่ผิดกฎหมายครับ

พ.ร.บ. กับ ภาษีรถยนต์ ต้องทำพร้อมกันมั้ย

พ.ร.บ. กับ ภาษี ไม่จำเป็นต้องต่อพร้อมกัน หรือทำในวันเดียวกันเป๊ะๆ ครับ แต่ทั้งสองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกันโดยตรง เพราะตามกฎหมายแล้ว การต่อภาษีรถยนต์ “ต้องใช้หลักฐานการทำ พ.ร.บ.” ที่ยังไม่หมดอายุ เป็นเอกสารสำคัญในการยื่นเรื่อง ดังนั้น ลำดับขั้นตอนที่ถูกต้องจึงเป็นดังนี้ครับ

• ขั้นตอนที่ 1 ซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์ให้เรียบร้อยก่อน คุณต้องดำเนินการซื้อหรือต่ออายุ พ.ร.บ. ให้มีผลคุ้มครองสำหรับปีถัดไปก่อนเป็นอันดับแรกเสมอ
• ขั้นตอนที่ 2 นำหลักฐานการทำ พ.ร.บ. ไปใช้ยื่นต่อภาษีรถยนต์ หลังจากได้เอกสาร พ.ร.บ. ฉบับใหม่แล้ว จึงจะสามารถนำไปยื่นเพื่อชำระภาษีรถยนต์ประจำปี และรับป้ายวงกลมมาติดที่หน้ารถได้

ด้วยเหตุผลนี้เอง คนส่วนใหญ่จึงนิยมต่อ พ.ร.บ. และภาษีรถยนต์ในวันเดียวกันหรือในระยะเวลาไล่เลี่ยกันไปเลย เพื่อความสะดวกและป้องกันการลืมนั่นเองครับ

พ.ร.บ. รถยนต์ต่อล่วงหน้าได้มั้ย

สามารถต่อ พ.ร.บ. และภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้ครับ โดยสามารถซื้อ พ.ร.บ. ล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 90 วัน ก่อนวันที่ความคุ้มครองเดิมจะหมดอายุ ซึ่งการทำล่วงหน้าแบบนี้ช่วยให้เรามีเวลาเตรียมเอกสารและจัดการธุระต่างๆ ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องรีบร้อนในช่วงใกล้หมดเขตครับ

พ.ร.บ. ชุดเดิมยังไม่หมดอายุนำไปต่อภาษีได้มั้ย

สามารถทำได้ครับ ในกรณีที่ พ.ร.บ. ฉบับเดิมของคุณยังเหลืออายุความคุ้มครอง และวันหมดอายุนั้นครอบคลุมไปถึงวันที่คุณต้องการจะต่อภาษี ก็สามารถนำ พ.ร.บ. ฉบับเดิมไปยื่นต่อภาษีได้เช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ผู้ใช้รถส่วนใหญ่มักจะซื้อ พ.ร.บ. ฉบับใหม่ไปพร้อมๆ กับการต่อภาษีเลย เพื่อให้วันหมดอายุตรงกันและง่ายต่อการจดจำในปีถัดไปครับ

ข้อควรรู้ ถ้าไม่ต่อ พ.ร.บ. หรือ ไม่จ่ายภาษี จะเป็นยังไง

การมี พ.ร.บ. และป้ายภาษีที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นหลักประกันและความสบายใจในการใช้รถใช้ถนนด้วยครับ การละเลยหน้าที่ตรงนี้มีบทลงโทษตามกฎหมายที่ควรรู้ไว้ ดังนี้

โทษของการไม่มี พ.ร.บ. รถยนต์

หากคุณละเลยหรือขาดต่อ พ.ร.บ. และถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบ หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา จะมีโทษและความรับผิดชอบตามมาดังนี้

• มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท ทั้งเจ้าของรถและผู้ที่นำรถคันดังกล่าวมาใช้งาน จะมีโทษปรับตามกฎหมาย
• ไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ เพราะ พ.ร.บ. คือเอกสารบังคับ ทำให้คุณไม่สามารถชำระภาษีได้ และจะนำไปสู่ปัญหาการขาดต่อภาษีต่อไป
• รับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมด หากเกิดอุบัติเหตุและเป็นฝ่ายผิด คุณจะต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณีและบุคคลในรถของคุณเองทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

โทษของการไม่ต่อภาษีรถยนต์

การปล่อยให้ภาษีรถยนต์ขาดหรือไม่ไปต่อตามกำหนดเวลา นอกจากจะทำให้ป้ายวงกลมหมดอายุแล้ว ยังมีผลทางกฎหมายตามมาอีกหลายอย่างเลยครับ

• มีโทษปรับเมื่อถูกเรียกตรวจ หากขับรถที่ป้ายภาษีหมดอายุบนท้องถนน มีโอกาสถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกปรับได้สูงสุดถึง 2,000 บาท
• เสียค่าปรับย้อนหลัง เมื่อไปต่อภาษี จะต้องเสียค่าปรับในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนของค่าภาษีที่ต้องชำระ ยิ่งปล่อยไว้นาน ค่าปรับก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
• ถูกระงับทะเบียนรถ หากปล่อยให้ภาษีรถยนต์ขาดการติดต่อนานเกิน 3 ปี กรมการขนส่งทางบกจะทำการระงับทะเบียนรถของคุณทันที ซึ่งหมายความว่ารถคันนั้นไม่สามารถใช้งานบนถนนได้อีกต่อไป และหากต้องการกลับมาใช้ใหม่ จะต้องทำเรื่องขอจดทะเบียนใหม่พร้อมชำระภาษีย้อนหลังทั้งหมด ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

ดังนั้น การทำความเข้าใจว่า พ.ร.บ. กับ ภาษี ต้องต่อพร้อมกันมั้ย และจัดการให้เรียบร้อยตามกำหนดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งครับ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ พ.ร.บ. และ ภาษีรถยนต์

ต่อภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้กี่วัน?

คุณสามารถต่อภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้สูงสุด 90 วัน (หรือประมาณ 3 เดือน) ก่อนวันที่ภาษีจะหมดอายุ การวางแผนต่อล่วงหน้าจะช่วยให้คุณไม่ต้องไปรอคิวนานๆ ในช่วงที่คนไปต่อกันเยอะ และยังช่วยให้มั่นใจได้ว่ารถของคุณพร้อมใช้งานอย่างถูกกฎหมายเสมอ

ต่อ พ.ร.บ. อย่างเดียวได้ไหม?

ได้ครับ คุณสามารถซื้อ พ.ร.บ. อย่างเดียวเก็บไว้ก่อนได้ โดยยังไม่ต้องต่อภาษีทันที เช่น ในกรณีที่รถของคุณจอดทิ้งไว้ ไม่ได้นำออกมาใช้งานบนถนน แต่ยังต้องการความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ต่อภาษีอย่างเดียว โดยไม่มี พ.ร.บ. ได้ไหม?

ไม่ได้เด็ดขาดครับ อย่างที่อธิบายไปข้างต้นว่า หลักฐานการทำ พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ เป็นเอกสารสำคัญอันดับแรกที่ต้องใช้ยื่นประกอบการต่อภาษีรถยนต์ ดังนั้น หากไม่มี พ.ร.บ. เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถดำเนินการต่อภาษีให้กับคุณได้เลยครับ

สรุปบทความ

สรุปแล้วคำตอบของคำถามที่ว่า พ.ร.บ. กับ ภาษี ต้องต่อพร้อมกันไหม ก็คือ “ไม่จำเป็น” แต่ต้องทำให้ “ถูกลำดับ” โดยเริ่มจากการต่อ พ.ร.บ. ให้เรียบร้อยก่อน แล้วจึงนำหลักฐานนั้นไปยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี ซึ่งทั้งสองอย่างสามารถทำล่วงหน้าได้ถึง 90 วัน การทำความเข้าใจในเรื่องนี้จะช่วยให้ผู้ใช้รถทุกคนสามารถวางแผนและจัดการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขับขี่ได้อย่างสบายใจไร้กังวลครับ

และเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้รถให้เต็มที่ยิ่งขึ้น หลังจากจัดการประกันภัยภาคบังคับแล้ว อย่าลืมมองหาประกันภัยภาคสมัครใจที่ช่วยดูแลรถและคุณได้ครอบคลุมกว่าเดิมนะครับ ที่ประกันติดโล่ เราพร้อมให้บริการทั้งประกันรถยนต์หลากหลายชั้น และบริการต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ในราคาพิเศษ ช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ต่อเนื่องทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจ ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายเมื่อภัยมาได้อย่างอุ่นใจครับ

ที่มา: DLT (กรมการขนส่งทางบก), วิริยะประกันภัย