ประกันเรียกเก็บค่าซ่อมแต่ไม่มีเงินจ่าย ทำไงดี ขอไกล่เกลี่ยได้มั้ย

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ไม่อยากให้เกิด เพราะนอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังอาจต้องเสียเงินอีกด้วย หากเรามีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมก็อุ่นใจได้ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดและไม่มีประกัน วันหนึ่งอาจมีจดหมายจากประกันคู่กรณีมาเรียกเก็บค่าเสียหายก้อนโต และนี่คือจุดเริ่มต้นของปัญหาประกันเรียกเก็บค่าซ่อมไม่มีเงินจ่ายที่สร้างความกังวลให้หลายคน ประกันติดโล่จะพาคุณไปหาคำตอบและทางออกของปัญหานี้แบบครบทุกขั้นตอนกันครับ
ทำไมประกันถึงเรียกเก็บค่าซ่อม?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า บิลค่าซ่อมที่ส่งมาถึงเรานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร โดยส่วนใหญ่มักเกิดจาก 3 กรณีหลักๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาประกันเรียกเก็บค่าซ่อมไม่มีเงินจ่ายครับ
กรณีเราเป็นฝ่ายผิด และรถไม่มีประกัน (หรือมีแค่ พ.ร.บ.)
บริษัทประกันของคู่กรณีจะจ่ายค่าซ่อมให้รถของลูกค้าเขาไปก่อน จากนั้นจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายที่เรียกว่า “การไล่เบี้ย” เพื่อมาเรียกเก็บเงินค่าซ่อมทั้งหมดคืนจากเราในฐานะผู้กระทำละเมิด นี่จึงเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดครับ
กรณีประกันของเราไม่คุ้มครอง
ในบางสถานการณ์ แม้เราจะมีประกัน แต่ความคุ้มครองอาจไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้น เช่น เรามีประกันชั้น 3 ซึ่งจะซ่อมให้ “เฉพาะรถคู่กรณี” แต่ไม่ซ่อมรถเรา หรือเกิดอุบัติเหตุชนแล้วหนีโดยไม่มีคู่กรณี ไม่มีหลักฐาน หากเป็นประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง ทำให้เราต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถเอง
กรณีที่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible/Excess) ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
หลายคนอาจสับสนกับคำนี้ แต่เป็นเงื่อนไขสำคัญในกรมธรรม์ประกันภัยชั้น 1 โดยค่าเสียหายส่วนแรกคือ จำนวนเงินขั้นต่ำที่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบจ่ายเองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
- Deductible เป็นจำนวนเงินที่เราตกลงกับบริษัทประกันว่าจะรับผิดชอบเอง เพื่อแลกกับเบี้ยประกันที่ถูกลง
- Excess เป็นจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ เช่น รถมีรอยขีดข่วน แต่ไม่ทราบที่มาที่ไปจากการเกิดรอยนั้นๆ เป็นต้น
ไม่มีเงินจ่ายค่าซ่อมทันที เจรจาผ่อนผันได้ไหม?
ได้แน่นอนครับ การเจรจาคือทางออกที่ดีที่สุดเมื่อเกิดปัญหาประกันเรียกเก็บค่าซ่อมแต่ไม่มีเงินจ่าย เพราะบริษัทประกันเองก็ต้องการให้หนี้ได้รับการชำระมากกว่าปล่อยให้เป็นหนี้สูญ การเจรจาที่ดีจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลายจนโดนประกันฟ้องไม่จ่ายในอนาคต
ติดต่อประกันเพื่อขอเจรจา ต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง?
การเตรียมตัวที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ก่อนโทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกัน ควรเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้พร้อมเพื่อการสนทนาที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- เอกสารที่ประกันส่งมา จดหมายทวงหนี้, ใบแจ้งค่าเสียหาย
- หลักฐานเกี่ยวกับอุบัติเหตุ สำเนาบันทึกประจำวัน, รูปถ่าย ณ ที่เกิดเหตุ (ถ้ามี)
- ข้อมูลสถานะทางการเงิน เตรียมข้อมูลรายรับ-รายจ่ายของตัวเอง เพื่อชี้แจงอย่างสมเหตุสมผล
- ข้อเสนอที่คุณต้องการ คิดล่วงหน้าว่าคุณต้องการผ่อนชำระเดือนละเท่าไหร่ และเป็นเวลากี่งวด
เทคนิคการเจรจาขอผ่อนจ่ายเป็นงวด
หัวใจสำคัญของการเจรจาคือการแสดงความจริงใจและเจตนาที่ดีว่าเราพร้อมจะรับผิดชอบ ไม่ได้คิดจะหนี โดยสามารถปรับใช้ได้ ดังนี้
- ใช้ถ้อยคำสุภาพและมีเหตุผล เริ่มต้นการสนทนาด้วยความสุภาพ อธิบายสถานการณ์ของเราตามความเป็นจริงว่าไม่สามารถชำระเป็นเงินก้อนได้ในทันที
- แสดงเจตนาที่ดีในการชำระหนี้ ย้ำให้ชัดเจนว่า เรามีความตั้งใจที่จะชำระหนี้ ไม่ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบ
- เสนอแผนการผ่อนชำระที่ทำได้จริง ยื่นข้อเสนอที่เราประเมินมาแล้วว่าสามารถทำได้จริง เช่น สะดวกผ่อนชำระเดือนละเท่านี้ เป็นจำนวนงวดประมาณนี้ และให้ทางบริษัทประกันนำไปพิจารณา
- ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร หากเจรจาสำเร็จ ควรสรุปข้อตกลงและขอให้บริษัทประกันทำ สัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเอกสารยืนยัน
ถ้าเห็นว่า “ค่าซ่อมแพงเกินจริง” สามารถโต้แย้งหรือทำอะไรได้บ้าง?
คุณมีสิทธิ์โต้แย้งได้ครับ โดยให้ขอ “ใบประเมินราคาค่าซ่อม” (ใบเสนอราคาจากอู่) จากบริษัทประกัน เพื่อนำมาตรวจสอบรายละเอียดของรายการซ่อมและค่าอะไหล่ หากคุณมีความรู้เรื่องรถ หรือมีอู่ที่รู้จัก ลองนำใบประเมินราคานี้ไปให้ช่วยประเมินเปรียบเทียบ หากพบว่าราคาสูงเกินจริงอย่างมีนัยสำคัญ สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการเจรจาต่อรองเพื่อขอลดหย่อนค่าเสียหายได้
ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ต้องจ่ายภายในกี่วัน? มีเวลาตัดสินใจนานแค่ไหน?
โดยทั่วไปในจดหมายทวงถามฉบับแรกมักจะระบุระยะเวลาให้ชำระหนี้ภายใน 15-30 วัน แต่ตัวเลขนี้ไม่ใช่เส้นตายทางกฎหมายเสมอไป แต่เป็นกรอบเวลาที่เปิดโอกาสให้เราติดต่อกลับไปเพื่อเจรจาต่อรอง ดังนั้น อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไร ควรใช้ช่วงเวลานี้ในการรวบรวมข้อมูลและติดต่อเพื่อหาข้อยุติโดยเร็วที่สุด
ถ้าไม่จ่ายจะเกิดอะไรขึ้น?
การเพิกเฉยเป็นทางเลือกที่จะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ และนำคุณไปสู่กระบวนการทางกฎหมายที่ซับซ้อนมากขึ้น นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากคุณปล่อยให้สถานการณ์ไปถึงขั้นโดนประกันฟ้องเมื่อไม่จ่าย
การฟ้องร้องจากบริษัทประกันภัย
หลังจากส่งจดหมายทวงถามมา 1-2 ครั้งแล้วยังไม่ได้รับการติดต่อกลับ บริษัทประกันจะดำเนินการยื่นฟ้องคุณต่อศาลในข้อหา “ละเมิด” จากนั้นคุณจะได้รับ “หมายศาล” ส่งไปตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ซึ่งจะระบุให้คุณไปศาลในวันที่กำหนดเพื่อเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหรือสืบพยานต่อไป
คดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากประกันภัยอายุความกี่ปี?
คดีละเมิดที่บริษัทประกันฟ้องเรียกค่าเสียหายมีอายุความ 1 ปี โดยจะเริ่มนับ “ตั้งแต่วันที่ผู้เสียหาย (บริษัทประกัน) ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน” ซึ่งโดยทั่วไปก็คือวันที่บริษัทประกันจ่ายค่าซ่อมให้คู่กรณีนั่นเอง และต้องไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันทำละเมิด (วันเกิดอุบัติเหตุ)
เมื่อถูกฟ้องแล้วต้องทำอย่างไร? มีโอกาสไกล่เกลี่ยที่ศาลมั้ย?
เมื่อได้รับหมายศาล อย่าตื่นตระหนกและห้ามเพิกเฉยเด็ดขาด ให้ไปศาลตามนัดเสมอ เพราะศาลจะให้โอกาสคู่กรณีได้ “ไกล่เกลี่ย” กันก่อน ซึ่งถือเป็นโอกาสทองอีกครั้งในการเจรจาต่อรองยอดหนี้และวิธีการชำระ โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้ประนีประนอมของศาลเป็นคนกลาง หากตกลงกันได้ คดีก็จะจบลงด้วยดี
คำถามที่พบบ่อยในสถานการณ์ต่างๆ
กรณีรถไม่มีประกันทั้ง 2 ฝ่าย แล้วเราเป็นฝ่ายผิด ต้องทำอย่างไร?
ในกรณีนี้ การเจรจาจะเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างคุณกับคู่กรณี ควรใช้บันทึกประจำวันจากตำรวจเป็นหลักฐานสำคัญในการยืนยันฝ่ายถูกผิด จากนั้นจึงตกลงเรื่องค่าเสียหายกันเอง หากตกลงกันไม่ได้ ฝ่ายถูกมีสิทธิ์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคุณได้โดยตรง
ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกต้องจ่ายค่าอะไรบ้างไหม?
โดยหลักการแล้ว ฝ่ายถูกไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายใดๆ จากนั้นบริษัทประกันของคุณจะไปดำเนินการไล่เบี้ยเรียกเก็บเงินจากคู่กรณี
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถคืออะไร ทำไมต้องจ่ายส่วนนี้ให้คู่กรณี?
คือค่าชดเชยที่ฝ่ายผิดต้องจ่ายให้ฝ่ายถูก สำหรับความไม่สะดวกที่ไม่มีรถยนต์ใช้ในระหว่างที่รถเข้าอู่ซ่อม เช่น ค่าเดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือค่าเช่ารถ ซึ่งฝ่ายถูกสามารถรวบรวมใบเสร็จเพื่อมาเรียกเก็บกับบริษัทประกันของฝ่ายผิด
กรณีไหนบ้างที่ประกันชั้น 1 ไม่คุ้มครอง?
แม้ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองครอบคลุมที่สุด แต่ก็มีข้อยกเว้นมาตรฐานที่ควรรู้ ได้แก่
- เมาแล้วขับ (แอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์)
- ใช้รถในทางที่ผิดกฎหมาย เช่น ขนยาเสพติด หรือใช้รถแข่ง
- ไม่มีใบขับขี่ หรือใช้ใบขับขี่ที่ไม่ใช่ประเภทของรถที่ขับ
- ใช้รถนอกอาณาเขตคุ้มครอง (นอกประเทศไทย)
- การดัดแปลงสภาพรถยนต์โดยไม่แจ้งบริษัทประกัน
สรุปวิธีรับมือกับค่าซ่อมรถจากประกันรถยนต์
เมื่อได้รับจดหมายเรียกเก็บค่าซ่อมรถจากประกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก และไม่เพิกเฉยต่อปัญหา ให้ตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด รู้จักสิทธิ์ของตนเอง และใช้การเจรจาเป็นเครื่องมือในการหาทางออกที่ดีที่สุด การแสดงความรับผิดชอบและเสนอแผนการชำระหนี้ที่ชัดเจน จะช่วยให้คุณสามารถจัดการปัญหาได้ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปถึงชั้นศาล และช่วยให้คุณผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอนครับการมีความรู้เพื่อรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าเป็นเรื่องที่ดี แต่การวางแผนป้องกันไว้ล่วงหน้าย่อมดีกว่า เพิ่มความมั่นใจในการใช้รถใช้ถนนด้วยประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณ ประกันติดโล่พร้อมให้บริการด้วยผลิตภัณฑ์ประกันที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหนักให้เป็นเบา เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณสบายใจไร้กังวล
ที่มา: วิริยะประกันภัย