เคลือบแก้วรถยนต์ วิธีปกป้องผิวรถและสีรถอย่างมีประสิทธิภาพ

หลายคนที่รักรถย่อมอยากให้รถของตัวเองดูใหม่ สวย และเงางามอยู่เสมอ แต่เพียงแค่การล้างรถเป็นประจำอาจไม่เพียงพอที่จะปกป้องรถจากรอยขีดข่วน คราบสกปรก หรือแสงแดดที่ทำร้ายสีรถได้ วันนี้ประกันติดโล่มีวิธีดูแลรถที่น่าสนใจอย่างการเคลือบแก้วรถยนต์มาแนะนำให้คุณลองพิจารณา เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มความเงางามให้กับสีรถแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวรถจากสิ่งรบกวนภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยครับ
เคลือบแก้วรถยนต์คืออะไร
เคลือบแก้ว คือ การเคลือบผิวรถยนต์ด้วยสารที่มีชื่อว่า “ซิลิกอนไดออกไซด์” หรือ Silicon Dioxide (SiO2) เรียกสั้นๆ ว่า “ซิลิกา” ซึ่งเป็นสารที่ใช้ในการผลิตแก้ว สารชนิดนี้มีคุณสมบัติในการเพิ่มชั้นสีของรถให้หนาขึ้น ทำให้ผิวรถแข็งแรงและเงางามมากขึ้น การเคลือบแก้วมีระดับความหนาแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1-9H โดย 9H คือระดับที่หนาและแข็งแรงที่สุด
เมื่อเคลือบแก้วรถยนต์แล้ว จะเกิดเป็นชั้นฟิล์มบางๆ ที่ทำหน้าที่เสมือนเกราะป้องกันชั้นนอกสุดให้กับแล็คเกอร์และสีรถ ช่วยปกป้องผิวรถจากรอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ รวมถึงคราบสกปรกต่างๆ ไม่ให้เกาะติดบนผิวรถได้ง่าย ทำให้การดูแลรักษาความสะอาดของรถทำได้สะดวกขึ้นด้วยครับ
เคลือบแก้วดีไหม ช่วยอะไรได้บ้าง
เคลือบแก้วรถยนต์มีข้อดีหลายประการที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนรักรถ โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการความคุ้มค่าในระยะยาว ประโยชน์ของการเคลือบแก้วมีมากมายดังนี้
- ป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ ได้ โดยเฉพาะรอยขนแมวหรือรอยขีดข่วนบางๆ ที่มักเกิดขึ้นได้ง่ายจากการใช้งานปกติ
- เพิ่มความเงางามให้กับสีรถ ทำให้รถดูใหม่และสวยงามอยู่เสมอ สีรถมีความฉ่ำวาวมากขึ้น
- ปกป้องสีรถจากรังสี UV ช่วยชะลอการซีดจางของสีรถที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานาน เหมาะสำหรับคนที่ต้องจอดรถกลางแจ้งบ่อยๆ
- ป้องกันคราบสกปรกและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ เช่น คราบน้ำ น้ำฝน ฝุ่น มูลนก หรือยางมะตอย ไม่ให้เกาะติดบนผิวรถได้ง่าย
- มีความคงทนสูง การเคลือบแก้วครั้งหนึ่งสามารถอยู่ได้นาน 2-3 ปี ซึ่งยาวนานกว่าการเคลือบสีหรือลงแว็กซ์ทั่วไปมาก
- ช่วยให้ทำความสะอาดรถง่ายขึ้น เพราะคราบสกปรกจะไม่เกาะติดแน่น สามารถล้างออกได้ง่ายเพียงแค่ฉีดน้ำ ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการล้างรถ
เคลือบแก้วรถยนต์ราคากี่บาท
ราคาในการเคลือบแก้วรถยนต์จะแตกต่างกันไปตามคุณภาพของน้ำยา วิธีการเคลือบ และความหนาของชั้นเคลือบ โดยทั่วไปราคาเริ่มต้นสำหรับการเคลือบแก้วรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท ไปจนถึง 60,000 บาท สำหรับการเคลือบระดับพรีเมียมที่มีความหนาและคุณภาพสูงครับ
ขั้นตอนการเคลือบแก้วรถยนต์
การเคลือบแก้วรถยนต์เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างพิถีพิถัน และควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากคุณอยากทราบถึงขั้นตอนการเคลือบแก้วรถยนต์ ก็มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- ล้างทำความสะอาดรถอย่างละเอียด เพื่อกำจัดฝุ่น เศษดิน และคราบสกปรกทั้งหมดบนผิวรถ
- เตรียมผิวรถยนต์ โดยใช้ดินน้ำมันเฉพาะทางเพื่อกำจัดคราบฝังลึกและสิ่งตกค้างบนผิวรถ
- ขัดสีรถยนต์ เพื่อลบรอยขีดข่วนและรอยขนแมวให้ได้มากที่สุดก่อนการเคลือบ
- ลงน้ำยาเฉพาะสำหรับการเคลือบแก้ว เพื่อขจัดคราบและสารเคมีตกค้างให้หมดจด
- ลงน้ำยาเคลือบแก้ว โดยจะทาหรือพ่นน้ำยาลงบนผิวรถอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
- ปล่อยให้น้ำยาเซตตัว ประมาณ 24 ชั่วโมง โดยในช่วงนี้รถจะต้องไม่โดนน้ำเด็ดขาด
- เคลือบเงาเพิ่มเติม หรือลงแว็กซ์เพื่อเพิ่มความเงางามและการป้องกันในขั้นสุดท้าย
สำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือความเชี่ยวชาญในการเคลือบแก้วรถยนต์ แนะนำให้นำรถเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์บริการหรือร้านเคลือบแก้วโดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้คุณภาพงานที่ดีและไม่เกิดความเสียหายกับผิวรถของคุณครับ
รถเคลือบแก้วอยู่ได้กี่ปี
การเคลือบแก้วรถยนต์สามารถอยู่ได้ค่อนข้างนาน โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี ซึ่งยาวนานกว่าการเคลือบสี หรือลงแว็กซ์ที่อยู่ได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ถึงเดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานของการเคลือบแก้วยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพของน้ำยาที่ใช้ ความเชี่ยวชาญในการเคลือบ การดูแลรถหลังเคลือบ และสภาพแวดล้อมที่รถต้องเผชิญ
รถที่จอดในร่มหรือในโรงรถ จะมีอายุการเคลือบแก้วที่ยาวนานกว่ารถที่จอดกลางแจ้งตลอดเวลา เนื่องจากไม่ต้องเผชิญกับรังสี UV และสภาพอากาศที่รุนแรง นอกจากนี้ การล้างรถอย่างถูกวิธีก็มีส่วนช่วยยืดอายุการเคลือบแก้วได้ เช่น ไม่ควรใช้น้ำยาล้างรถที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างสูงเกินไป และควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟองน้ำหรือผ้าที่หยาบเกินไปในการเช็ดรถครับ
ข้อควรระวังในการเคลือบแก้วรถยนต์
แม้ว่าการเคลือบแก้วจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่คุณควรทราบก่อนตัดสินใจเคลือบแก้วรถยนต์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและไม่เกิดความผิดหวัง ดังนี้
- ไม่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนที่รุนแรงได้ แม้การเคลือบแก้วจะช่วยลดรอยขีดข่วนเล็กน้อยได้ แต่ไม่สามารถป้องกันรอยที่เกิดจากแรงกระแทกหรือการขูดที่รุนแรงได้
- ต้องเตรียมผิวรถให้สมบูรณ์ก่อนเคลือบ รถที่จะเคลือบแก้วควรมีผิวที่สะอาดและปราศจากรอยขีดข่วน มิฉะนั้นเมื่อเคลือบแล้วรอยเหล่านั้นจะยังคงปรากฏอยู่
- ราคาค่อนข้างสูง การเคลือบแก้วมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเคลือบสีหรือลงแว็กซ์ทั่วไปมาก ควรพิจารณางบประมาณให้ดีก่อนตัดสินใจ
- ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น การเคลือบแก้วที่ทำโดยผู้ไม่มีประสบการณ์อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี และอาจทำให้เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
- ห้ามล้างรถในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังเคลือบ เพื่อให้น้ำยาเคลือบแก้วเซ็ตตัวได้อย่างสมบูรณ์
- ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะอาจทำให้ชั้นเคลือบแก้วเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
เคลือบสีรถประเภทน้ำ เคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก ต่างกันยังไง
ในปัจจุบันมีวิธีการเคลือบรถหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ดังนี้
การเคลือบสีรถประเภทน้ำ
การเคลือบสีรถประเภน้ำ เป็นวิธีการทั่วไปที่ทำได้ง่าย มีค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก แต่มีข้อจำกัดคือ อยู่ได้ไม่นาน เพียง 2-3 สัปดาห์ถึง 1 เดือนเท่านั้น ประสิทธิภาพในการป้องกันรอยขีดข่วนก็น้อยกว่าการเคลือบแก้วและเคลือบเซรามิก แต่สามารถเพิ่มความเงางามให้กับรถได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและไม่ต้องการการปกป้องในระยะยาวครับ
การเคลือบแก้ว
ใช้สารซิลิกอนไดออกไซด์ (SiO2) ซึ่งให้ความแข็งแรงและความคงทนสูงกว่าการเคลือบสี สามารถอยู่ได้นาน 2-3 ปี มีประสิทธิภาพในการป้องกันรอยขีดข่วนเล็กน้อยและรังสี UV ได้ดี ราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับอายุการใช้งานแล้วคุ้มค่าในระยะยาวครับ
การเคลือบเซรามิก
ใช้สารซิลิคอนคาร์ไบด์ (SiC) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ให้ความเงางามสูงกว่าการเคลือบแก้ว และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า สามารถอยู่ได้ประมาณ 3-5 ปี มีประสิทธิภาพในการป้องกันรอยขีดข่วน สารเคมี และรังสี UV ได้ดีเยี่ยม แต่มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการเคลือบแก้วมาก
การเลือกวิธีการเคลือบจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของแต่ละคน หากต้องการการปกป้องระยะยาวและไม่ต้องทำบ่อย การเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิกจะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า แต่หากมีงบประมาณจำกัดและไม่ได้คาดหวังการปกป้องที่ยาวนาน การเคลือบสีก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกันครับ
สรุป เคลือบแก้วรถยนต์ ตัวช่วยดูแลสีรถให้สดใหม่ ไร้รอยขีดข่วน
การเคลือบแก้วรถยนต์เป็นวิธีการปกป้องผิวรถและสีรถที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการใช้สารซิลิกอนไดออกไซด์เคลือบผิวรถ ทำให้เกิดชั้นป้องกันที่แข็งแรงและทนทาน ช่วยปกป้องรถของคุณจากรอยขีดข่วนเล็กน้อย รังสี UV และคราบสกปรกต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความเงางามให้กับสีรถ ทำให้รถของคุณดูใหม่และสวยงามอยู่เสมอ ที่สำคัญคือการเคลือบแก้วหนึ่งครั้งสามารถอยู่ได้นาน 2-3 ปี จึงถือว่าคุ้มค่าในระยะยาว แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการทำที่ค่อนข้างสูงนอกจากการดูแลภายนอกของรถด้วยการเคลือบแก้วแล้ว การทำประกันรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยปกป้องรถของคุณจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ประกันติดโล่พร้อมให้คำปรึกษา และบริการด้านการประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ มีครบทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ชั้น 2+, ชั้น 2, ชั้น 3+ และชั้น 3 เราพร้อมดูแลให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจและอุ่นใจในทุกเส้นทางครับ
ที่มา: Rabbit Care, MITSU RMA