การต่อภาษีรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่ เช็กที่นี่เลย

ต่อภาษีรถยนต์
4,041

ยุคปัจจุบันมีการซื้อขายรถยนต์เป็นจำนวนมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นหรือเหตุผลอื่น ๆ แต่สิ่งสำคัญที่ตามมาคือ “การต่อภาษีรถยนต์” หรือเรียกง่าย ๆ คือการต่อทะเบียนในแต่ละปี ภาษีรถยนต์ตัวนี้มีความสำคัญมากขนาดไหน แล้วถ้าจะต่อภาษีง่ายที่สุดสามารถทำได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ

ความสำคัญของการต่อภาษีรถยนต์

“ทำไมต้องต่อภาษีรถยนต์” อาจจะเป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย ซึ่งคำตอบที่ได้มาแบบทั่ว ๆ ไป ก็คือเป็นการทำตามกฎหมาย แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป การใช้รถบนท้องนั้นจะก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพของถนนหนทาง รวมไปถึงต้องสร้างถนนเส้นใหม่ เพิ่มเติม

การจ่ายภาษีรถยนต์ก็เสมือนเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนหน่วยงานคมนาคมให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และทำถนนหนทางทั่วประเทศให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปรับปรุงการคมนาคมอื่น ๆ

ต่อป้ายภาษีรถยนต์ต้องทำตอนไหน?

การต่อภาษีรถยนต์ประจำปีเป็นหน้าที่สำคัญของผู้ใช้รถทุกคน โดยเจ้าของรถจะต้องดำเนินการต่อภาษีให้เรียบร้อยก่อนที่ป้ายภาษีเดิมจะหมดอายุ ซึ่งสามารถตรวจสอบวันหมดอายุได้จากป้ายวงกลมที่ติดอยู่หน้ากระจกรถ หรือในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ เพื่อให้รถของคุณสามารถใช้งานบนท้องถนนได้อย่างถูกกฎหมายและไม่โดนค่าปรับ

ถ้าไม่ต่อภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร

ถ้าไม่ต่อภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร

หากละเลยการต่อภาษีรถยนต์ย่อมถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และถือเป็นเรื่องสำคัญที่คนใช้รถควรรู้ แต่ถ้าหาไม่ต่อภาษีจะมีกฏหมายที่เข้ามาดูแลดังนี้

1. เสียค่าปรับ

ตามปกติแล้วการต่อภาษีสามารถทำได้ล่วงหน้าก่อนทะเบียนหมดอายุไม่เกิน 3 เดือน แต่ถ้าต่อภาษีล่าช้าจะโดนค่าปรับ 1% ของภาษีรถยนต์ต่อเดือน ยิ่งปล่อยไว้นาน ค่าปรับก็จะยิ่งเพิ่ม หากปล่อยไว้นานอาจโดนค่าปรับย้อนหลังอ่วมได้ไม่ยาก

2. ถูกระงับทะเบียน

เมื่อปล่อยรถไว้นานโดยไม่ได้ทำการต่อทะเบียนเกิน 3 ปี ทางขนส่งจะดำเนินการระงับทะเบียนทันที หากจะใช้รถคันเดิมจะต้องดำเนินการยื่นขอจดทะเบียนรถใหม่พร้อมคืนป้ายทะเบียน รวมถึงดำเนินการชำระภาษีรถยนต์ย้อนหลัง สำหรับรถใครที่มีการซ่อมเป็นเวลายาวนาน หรือจอดไว้ไม่ได้ใช้งาน ขนส่งก็ไม่ได้ใจร้ายสามารถยื่นแสดงการระงับใช้รถชั่วคราวล่วงหน้าที่ขนส่งได้ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียภาษีในช่วงนั้น ๆ

3. เสียค่าใช้จ่ายจิปาถะ

นอกจากค่าปรับแล้ว การไม่ต่อภาษีรถยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก เช่น ค่าตรวจสภาพ ค่าป้ายใหม่ เป็นต้น ยังไม่นับค่าเดินทางไป ๆ มา ๆ กรณีเตรียมเอกสารไม่ครบหรือโดนเรียกเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเทียบแล้วการยื่นต่อภาษีตามปกติยังมีความคุ้มค่าเสียกว่า

โดยสรุปแล้ว ทุกคนควรดำเนินการต่อภาษีรถยนต์เป็นประจำทุกปี เพื่อที่จะให้ไม่ต้องเสียค่าปรับเพิ่มเติม รวมถึงประหยัดเวลาอีกด้วย

ต่อภาษีรถยนต์ที่ไหนได้บ้าง

ต่อภาษีรถยนต์ที่ไหนได้บ้าง

การต่อทะเบียนรถหรือภาษีรถยนต์นั้นสะดวกสบายกว่าเดิมมาก เพราะมีช่องทางหลากหลายให้เลือกใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ หรือจุดบริการต่างๆ ที่ครอบคลุม โดยสามารถเลือกได้ตามความสะดวก ดังนี้

1. ต่อภาษีรถยนต์ทางออนไลน์ 

ปัจจุบันเจ้าของรถสามารถดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ของกรมการขนส่งทางบกได้แล้วที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานขนส่งฯ โดยตรง สามารถชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และรอรับเอกสารทางไปรษณีย์ได้เลย

ประเภทรถที่สามารถต่อภาษีออนไลน์ได้

  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) อายุรถไม่เกิน 7 ปี
  • รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2) อายุรถไม่เกิน 7 ปี
  • รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3) อายุรถไม่เกิน 7 ปี
  • รถจักรยานยนต์ (รย.12) อายุรถไม่เกิน 5 ปี
  • รถที่ค้างชำระภาษีไม่เกิน 1 ปี (สำหรับรถยนต์) และไม่เกิน 3 ปี (สำหรับรถจักรยานยนต์)
  • รถที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงแก๊ส หรือมีการติดตั้งแก๊สแต่แจ้งลงเล่มแล้ว
  • รถที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี หรือส่วนลดภาษี
  • รถที่ผ่านการตรวจสภาพรถ (ตรอ.) แล้ว (สำหรับรถที่เข้าเกณฑ์ต้องตรวจ)

2. ต่อภาษีรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ 

เป็นช่องทางมาตรฐานที่เจ้าของรถคุ้นเคย สามารถนำรถเข้ารับบริการตรวจสภาพ (สำหรับรถที่เข้าเกณฑ์) และยื่นเอกสารต่อภาษีได้โดยตรงที่สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสาขาใกล้บ้าน ซึ่งรองรับการต่อภาษีสำหรับรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ หรือรถที่มีอายุการใช้งานเกินกำหนดที่ต่อออนไลน์ได้ รวมถึงรถที่มีการดัดแปลงสภาพ หรือมีภาษีค้างชำระ

ประเภทรถที่สามารถต่อภาษีที่สำนักงานขนส่งได้

  • รถยนต์ทุกประเภทตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522
  • รถที่จดทะเบียนตาม พ.ร.บ. การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 (เช่น รถบรรทุก, รถโดยสาร)
  • รถที่เข้าข่ายต้องตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบก (เช่น รถยนต์อายุเกิน 7 ปี, รถจักรยานยนต์อายุเกิน 5 ปี ที่ไม่ได้ตรวจกับ ตรอ. มาก่อน)
  • รถที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของรถ เช่น เปลี่ยนสี, เปลี่ยนเครื่องยนต์
  • รถที่ค้างชำระภาษีเกินกำหนด และต้องการดำเนินการให้ถูกต้อง

3. ต่อภาษีรถยนต์กับสถานที่ที่ร่วมรายการ 

เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการชำระค่าต่อภาษีรถยนต์ด้วยตนเอง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หรือรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่จดทะเบียนไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนไม่เกิน 5 ปี โดยต้องเป็นรถที่ไม่ผ่านการดัดแปลงสภาพ และไม่มีภาษีค้างชำระ

  • เคาน์เตอร์เซอร์วิส
  • ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax)
  • ที่ทำการไปรษณีย์
  • ธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการกับกรมการขนส่งทางบก

4. ต่อภาษีรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน mPay และ True Money Wallet 

เพิ่มความสะดวกสบายอีกขั้นด้วยการต่อภาษีผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เพียงทำตามขั้นตอนที่แอปพลิเคชันกำหนด ก็สามารถชำระเงินและรอรับเอกสารได้เช่นกัน เหมาะสำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลตามเงื่อนไขที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

ต่อภาษีรถยนต์​ใช้เอกสารอะไรบ้าง

  • หนังสือแสดงการจดทะเบียนรถ หรือเล่มทะเบียน
  • เอกสาร พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
  • หลักฐานการผ่านการตรวจสภาพรถยนต์ แต่ถ้าหากขาดต่อภาษีเกิน 3 ปีจะต้องมีเอกสารเพิ่ม ดังนี้
    • สำเนาบัตรประชาชน
    • หลักฐานการระงับทะเบียน (กรณียื่นขอระงับ)
    • เอกสารอื่น ๆ ตามที่ขนส่งต้องการ

ต่อภาษีรถยนต์ ราคาเท่าไหร่ 

สำหรับค่าต่อภาษีรถยนต์นั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภท ขนาดเครื่องยนต์ หรือน้ำหนักของรถแต่ละคัน ทำให้เจ้าของรถแต่ละคนจ่ายค่าภาษีไม่เท่ากัน โดยกรมการขนส่งทางบกได้กำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณไว้ชัดเจน ดังนี้

คิดภาษีตามขนาดเครื่องยนต์ (CC.)

รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (เช่น รถเก๋ง) จะมีวิธีคิดภาษีรถยนต์ตามความจุกระบอกสูบ (CC.) โดยมีอัตราดังนี้

  • 600 CC. แรก คิด CC. ละ 0.50 บาท
  • 601 – 1,800 CC. คิด CC. ละ 1.50 บาท
  • เกิน 1,800 CC. คิด CC. ละ 4.00 บาท

นอกจากนี้ หากเป็นรถที่จดทะเบียนมาแล้วเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป จะได้รับส่วนลดค่าภาษีตามอายุรถ ดังนี้

  • ปีที่ 6 ลดหย่อน 10%
  • ปีที่ 7 ลดหย่อน 20%
  • ปีที่ 8 ลดหย่อน 30%
  • ปีที่ 9 ลดหย่อน 40%
  • ปีที่ 10 ขึ้นไป ลดหย่อน 50%

คิดภาษีตามน้ำหนักรถ

สำหรับรถยนต์ประเภทอื่น เช่น รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง (รถตู้) และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) จะคิดภาษีรถยนต์ตามน้ำหนักรถ ซึ่งมีอัตราที่แตกต่างกันไป ดังตารางตัวอย่าง (อ้างอิงจากกรมการขนส่งทางบก อาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุด)

น้ำหนักรถ (กก.)

อัตราภาษี (บาท)

501 – 750

450

751 – 1000

750

1,001 – 1,250

1,050

1,251 – 1,500

1,350

1,501 – 1,750

1,650

1,751 – 2,000

1,950

2,001 – 2,500

2,400

2,501 – 3,000

2,850

3,001 – 3,500

3,300

3,501 – 4,000

3,750

4,001 – 4,500

4,200

4,501 – 5,000

4,650

5,001 – 6,000

5,100

6,001 – 7,000

5,550

7,001 ขึ้นไป

6,000

คิดภาษีแบบรายคัน

รถบางประเภทจะมีการคิดภาษีรถยนต์เป็นรายคัน ซึ่งมีอัตราคงที่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์หรือน้ำหนัก ได้แก่

  • รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
  • รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
  • รถบดถนน คันละ 200 บาท
  • รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท
  • รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด (รถหมวด 3) จะคิดตามน้ำหนักเช่นเดียวกับรถบรรทุกส่วนบุคคล

การคิดภาษีของรถยนต์ไฟฟ้า

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน 2568 จะมีการลดหย่อนภาษีรถยนต์ประจำปีลง 80% ของอัตราภาษีปกติ เป็นระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่จดทะเบียน ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

วิธีต่อป้ายภาษีรถยนต์มีขั้นตอนอะไรบ้าง

ขั้นตอนในการต่อภาษีรถยนต์นั้นไม่ยุ่งยาก ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกช่องทางไหน แต่โดยหลักการแล้วจะคล้ายคลึงกันคือการเตรียมเอกสาร ยื่นเรื่อง และชำระเงิน เพื่อให้ได้ป้ายภาษีมาติดหน้ารถยนต์

วิธีต่อป้ายภาษีรถยนต์ที่สำนักงานขนส่งทางบก

การต่อทะเบียนรถที่สำนักงานขนส่งฯ เป็นวิธีที่มั่นใจได้ว่าถูกต้องครบถ้วนที่สุด มีขั้นตอนดังนี้

  1. เตรียมเอกสารให้พร้อม 
    • สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (ตัวจริงหรือสำเนา)
    • พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ
    • ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (ตรอ.)
  2. เดินทางไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสาขาที่สะดวก
  3. ติดต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ หรือกดบัตรคิวสำหรับบริการต่อภาษีรถยนต์
  4. ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและคำนวณค่าภาษี
  5. ชำระค่าต่อภาษีรถยนต์และค่าธรรมเนียมอื่นๆ (ถ้ามี)
  6. รับใบเสร็จและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายวงกลม) เพื่อนำไปติดที่รถยนต์

วิธีต่อป้ายภาษีรถยนต์กับเว็บไซต์กรมขนส่งทางบก

สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบาย สามารถต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก https://eservice.dlt.go.th ได้ง่ายๆ ดังนี้

  1. เข้าสู่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบกสำหรับบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และลงทะเบียนเพื่อเข้าใช้งานระบบ (หากยังไม่เคยลงทะเบียน) หรือเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีผู้ใช้เดิม
  2. เลือกเมนู “ชำระภาษีรถยนต์ประจำปี” หรือ “ชำระภาษีรถจักรยานยนต์ประจำปี”
  3. กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถที่ต้องการต่อภาษี เช่น หมายเลขทะเบียนรถ จังหวัด
  4. ระบบจะแสดงข้อมูลรถ และค่าต่อภาษีรถยนต์ที่ต้องชำระ รวมถึงตรวจสอบข้อมูล พ.ร.บ. (หากมีข้อมูลในระบบ) หรือกรอกข้อมูล พ.ร.บ. เอง
  5. หากรถต้องตรวจสภาพ (ตรอ.) ระบบจะตรวจสอบข้อมูลการตรวจสภาพจากฐานข้อมูลของกรมฯ
  6. เลือกช่องทางการชำระเงิน (เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, QR Code, เคาน์เตอร์บริการ) และดำเนินการชำระเงิน
  7. เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว กรมการขนส่งทางบกจะจัดส่งเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินให้ทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้
การต่อภาษีรถยนต์ต่อล่วงหน้าได้กี่วัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์

ต่อล่วงหน้าได้กี่วัน

สามารถดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้สูงสุด 90 วัน หรือ 3 เดือน ก่อนวันที่ภาษีรถยนต์ของคุณจะหมดอายุ

ต่อภาษีช้า เสียค่าปรับเท่าไหร่

หากลืมหรือปล่อยให้การต่อภาษีรถยนต์ล่าช้ากว่ากำหนด จะต้องเสียค่าปรับตามกฎหมายครับ โดยค่าปรับจะคิดในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือนของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ เศษของวันจะนับเป็นหนึ่งเดือน นอกจากนี้ยังมีผลกระทบอื่นๆ ตามมาอีกด้วย:

  • โทษปรับ ถูกปรับร้อยละ 1 ต่อเดือนของค่าภาษีที่ต้องชำระจนถึงวันที่ชำระ
  • การใช้รถ หากภาษีรถยนต์ขาดเกิน 1 ปี แต่ยังนำรถไปใช้งานบนท้องถนน แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 6 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
  • ทะเบียนรถถูกระงับ หากปล่อยให้ภาษีรถยนต์ขาดการติดต่อนานเกิน 3 ปี จะส่งผลให้ทะเบียนรถคันดังกล่าวถูกระงับทันที หากต้องการใช้รถต่อจะต้องดำเนินการจดทะเบียนใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนและค่าใช้จ่ายที่ยุ่งยากกว่าเดิม

รถใช้แก๊ส (NGV และ LPG) มีขั้นตอนเสียภาษียังไง

สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบแก๊ส NGV หรือ LPG จะมีขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์คล้ายกับรถยนต์ทั่วไป แต่จะมีเอกสารเพิ่มเติมคือใบรับรองการตรวจและทดสอบถังแก๊สจากวิศวกรที่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะต้องนำไปยื่นพร้อมกับเอกสารอื่นๆ และจำเป็นต้องดำเนินการต่อทะเบียนรถที่สำนักงานขนส่งทางบกเท่านั้น ไม่สามารถต่อผ่านช่องทางออนไลน์หรือจุดบริการอื่นๆ ได้

ความแตกต่างระหว่างภาษีกับ พ.ร.บ.

ภาษีรถยนต์ คือ ค่าใช้จ่ายที่เจ้าของรถยนต์ทุกคนต้องดำเนินการชำระทุกปี ทำนองเดียวกับภาษีเงินได้หรือภาษีโรงเรือน เพื่อนำเงินส่วนนี้ไปดูแลรักษาระบบคมนาคมและภาคส่วนอื่น ๆ

พ.ร.บ.รถยนต์ หรือ ชื่อเต็มว่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ คือการทำประกันภัยรถยนต์ขั้นต้นที่ผู้ใช้รถทุกคนจำเป็นต้องทำ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงจากเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งจะให้การช่วยเหลือในแง่ค่ารักษาและค่าชดเชยอื่น ๆ

สิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองอย่างนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอย่างมากหากต้องซื้อรถสักคัน

สรุป การต่อภาษีรถยนต์ใช้เอกสารอะไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือความสำคัญและวิธีการดำเนินการต่อภาษีรถยนต์อย่างง่ายครับ ซึ่งนอกจากจะเป็นข้อกฎหมายแล้วยังนับเป็นหน้าที่ของทุกคนที่สมควรทำเพื่อช่วยดูแลรักษาถนนหนทางของเราให้ดียิ่งขึ้น

หากคุณต้องดำเนินการต่อพ.ร.บ. และภาษี ลองปรึกษาทางประกันติดโล่ดูครับ เรามีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ประกันติดโล่ หรือสอบถามพวกเราได้ที่ประกันติดโล่ทุกสาขาทั่วประเทศ พวกเรายินดีให้บริการครับ!

ที่มา: DLT (กรมการขนส่งทางบก)



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สนใจ ประกันรถยนต์

กรอกข้อมูลติดต่อ

นอกจากประกันรถยนต์ อยากได้อะไรเพิ่ม?
การกดส่งข้อมูลแสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ
นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

บทความแนะนำ
  • รถเป็นรอยขูดทำไงดี เคลมประกันชั้น 1 ได้ไหม จ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกี่บาท
    อยู่ๆ รถสุดที่รักก็โดนขูดเป็นรอยลึก หาตัวคนผิดก็ไม่ได้ คู่กรณีก็ไม่มี แล้วแบบนี้ประกันรถยนต์จะรับเคลมไหม ต้องจ่ายค่าทำสีรถใหม่เองหรือเปล่า ทำยังไงได้บ้าง?
    501,834
  • ไม่หลบรถพยาบาลเปิดไซเรน ระวังผิดกฎหมายรถฉุกเฉิน และเจตนาฆ่า!
    รถพยาบาลฉุกเฉินเปิดไฟวับวาบและเปิดเสียงไซเรน คุณควรหลีกทางให้รถพยาบาลแบบด่วนๆ เพราะถ้าฝ่าฝืนทำตัวขวางโลกรู้ไหมว่าผิดกฎหมายรถฉุกเฉิน และมีเจตนาฆ่าด้วย!
    498,322
  • วันหยุดยาวเดือนพฤษภาคมมาแล้ว เตรียมคน-รถพร้อมแล้วหรือยัง?
    วันหยุดยาวเดือนพฤษภาคม 2565 มาแล้ว อยากเที่ยวจะแย่ ว่าแต่ว่าจะขับรถเที่ยวทางไกลทั้งทีต้องเตรียมคน-เตรียมรถยังไงบ้างนะ เพื่อให้ทริปนี้มีแต่ความสุข
    491,897