อาหารเป็นพิษประกันจ่ายมั้ย รวมสิทธิ์ที่ต้องรู้ก่อนไปโรงพยาบาล
อาการปวดท้องบิด คลื่นไส้ ท้องเสียรุนแรง คงเป็นฝันร้ายของใครหลายคน โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นกะทันหันจากมื้ออาหารแสนอร่อย ภัยใกล้ตัวอย่าง “อาหารเป็นพิษ” นี้ นอกจากจะสร้างความทรมานให้ร่างกายแล้ว ยังอาจทำให้หลายคนกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ตามมา คำถามสำคัญคือถ้าต้องเข้าโรงพยาบาลด่วนด้วยอาการอาหารเป็นพิษประกันจ่ายมั้ย? วันนี้ประกันติดโล่จะมาไขทุกข้อสงสัย พร้อมแนะแนวทางให้คุณใช้สิทธิ์ที่มีได้อย่างคุ้มค่าที่สุดครับ
อาการแบบไหนเรียกว่าอาหารเป็นพิษ

อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning) เกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ไวรัส หรือสารพิษที่เชื้อโรคสร้างขึ้น ซึ่งจะเข้าไปรบกวนระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ตามมา โดยส่วนใหญ่มักแสดงอาการหลังรับประทานไปแล้วตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงจนถึงหลายวัน อาการที่พบบ่อยสังเกตได้ดังนี้ครับ
- คลื่นไส้ อาเจียน เป็นกลไกแรกๆ ของร่างกายที่พยายามขับเอาสารพิษหรือเชื้อโรคออกมา ทำให้รู้สึกพะอืดพะอมและอาเจียนอย่างรุนแรง
- ปวดท้อง มีลักษณะปวดเกร็ง ปวดบิดบริเวณกลางท้องหรือรอบสะดือ ซึ่งเกิดจากการที่ลำไส้บีบตัวอย่างรุนแรง
- ท้องเสีย ถ่ายเหลว เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด อาจถ่ายเป็นน้ำหรือมีมูกเลือดปน ซึ่งเป็นความพยายามของร่างกายในการขับเชื้อโรคออกมา
- มีไข้ ร่างกายอาจมีอุณหภูมิสูงขึ้น หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว เพื่อเป็นสัญญาณว่าร่างกายกำลังต่อสู้กับเชื้อโรค
- อ่อนเพลีย การสูญเสียน้ำและเกลือแร่จากการอาเจียนและท้องเสีย ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง
สัญญาณเตือน อาการหนักที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
แม้ว่าอาการอาหารเป็นพิษส่วนใหญ่จะค่อยๆ ดีขึ้นเองได้ แต่หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปโรงพยาบาลทันที เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ครับ
- อาเจียนหรือท้องเสียอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง เกิน 24 ชั่วโมง
- มีไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส
- ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด
- มีภาวะขาดน้ำรุนแรง เช่น ปากแห้ง คอแห้ง ไม่ปัสสาวะเลยเกิน 8 ชั่วโมง เวียนศีรษะ หน้ามืด
- ปวดท้องบิดรุนแรงจนทนไม่ไหว
- เริ่มมีอาการทางระบบประสาท เช่น มองเห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด กล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาหารเป็นพิษประกันจ่ายคุ้มครองกรณีไหนบ้าง

สำหรับกรณีอาหารเป็นพิษ ประกันจ่ายให้แน่นอนครับ แต่จะจ่ายในรูปแบบไหนและครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใดบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่คุณมี ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 กรณีหลักๆ ดังนี้
กรณีแอดมิท (ผู้ป่วยใน – IPD)
หากอาการของคุณรุนแรงจนแพทย์วินิจฉัยว่าจำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หรือที่เรียกว่าเป็น ผู้ป่วยใน (IPD – Inpatient Department) ในกรณีนี้ ประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็น
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการโรงพยาบาล
- ค่าแพทย์ตรวจรักษา
- ค่ายาและเวชภัณฑ์
- ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ (เช่น ตรวจเลือด ตรวจอุจจาระ)
ดังนั้น หากคุณมีประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองผู้ป่วยใน ก็สบายใจได้เลยว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีประกันคอยดูแลแน่นอนครับ
กรณีรับยากลับบ้าน (ผู้ป่วยนอก – OPD)
แต่ถ้าอาการไม่รุนแรงมากนัก หลังจากพบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินหรือแผนกตรวจโรคทั่วไปแล้ว แพทย์จ่ายยาให้และอนุญาตให้กลับบ้านได้ กรณีนี้จะถือเป็น ผู้ป่วยนอก (OPD – Outpatient Department) ซึ่งจะสามารถเบิกค่ารักษาได้ก็ต่อเมื่อ กรมธรรม์ประกันสุขภาพของคุณมีความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) เท่านั้น หากแผนประกันของคุณคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน (IPD) คุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วยตัวเองครับ นี่จึงเป็นจุดสำคัญที่หลายคนมักเข้าใจผิด
กรณีเข้าห้องฉุกเฉิน เบิกได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับอะไร?
การเข้าห้องฉุกเฉินเพราะอาหารเป็นพิษเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย แล้วแบบนี้ อาหารเป็นพิษ ประกันจ่ายไหม? คำตอบจะขึ้นอยู่กับผลการวินิจฉัยของแพทย์ครับ
- ถ้าเข้าห้องฉุกเฉินแล้วแพทย์สั่งแอดมิท ค่ารักษาในห้องฉุกเฉินทั้งหมดจะถูกนับรวมเข้ากับค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งประกันจะคุ้มครองตามวงเงิน
- ถ้าเข้าห้องฉุกเฉินแล้วแพทย์ให้กลับบ้าน ค่าใช้จ่ายจะถูกนับเป็นกรณีผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งจะเบิกได้ก็ต่อเมื่อคุณมีแผนความคุ้มครอง OPD ครับ
เช็กสิทธิ์ให้ครบ! นอกจากประกันสุขภาพ เบิกอะไรได้อีก
นอกเหนือจากประกันสุขภาพส่วนบุคคลแล้ว รู้หรือไม่ว่าคุณอาจยังมีสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลจากแหล่งอื่นๆ ได้อีก เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้เบาลงไปอีก ดังนั้น ก่อนไปโรงพยาบาล อย่าลืมเช็กสิทธิ์เหล่านี้กันนะครับ
สิทธิ์ประกันสังคม
สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม สามารถเข้ารับการรักษาอาการอาหารเป็นพิษได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาลที่คุณได้ลงทะเบียนเลือกสิทธิ์ไว้ หากเป็นกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิ์ได้ ก็สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน แล้วค่อยทำเรื่องเบิกค่ารักษาพยาบาลคืนจากสำนักงานประกันสังคมตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
ประกันกลุ่มจากที่ทำงาน
พนักงานบริษัทหรือข้าราชการหลายคน มักจะได้รับสวัสดิการเป็นประกันกลุ่ม ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะมีความคุ้มครองทั้งกรณีผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) ทำให้คุณสามารถใช้สิทธิ์ประกันกลุ่มเพื่อเบิกค่ารักษาอาการอาหารเป็นพิษได้เช่นกัน อย่าลืมตรวจสอบวงเงินความคุ้มครองกับฝ่ายบุคคลขององค์กรคุณนะครับ
ประกันการเดินทาง
หากคุณเกิดอาการอาหารเป็นพิษขึ้นระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ ประกันการเดินทางที่คุณซื้อไว้จะเข้ามาช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นตามวงเงินที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้นักเดินทางอย่างเราอุ่นใจและเที่ยวได้อย่างสบายใจไร้กังวล
ต้องทำอย่างไรเมื่อต้องเข้ารักษาด้วยอาการอาหารเป็นพิษ

เมื่อรู้แล้วว่า อาหารเป็นพิษ ประกันจ่ายไหม และมีสิทธิ์อะไรบ้าง ทีนี้มาดูขั้นตอนการเตรียมตัวและวิธีการใช้สิทธิ์ที่โรงพยาบาลกันดีกว่าครับ เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด และใช้สิทธิ์ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
เตรียมเอกสารให้พร้อม
ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปโรงพยาบาล อย่าลืมเตรียมเอกสารสำคัญเหล่านี้ติดตัวไปด้วย
- บัตรประจำตัวประชาชน เพื่อใช้ยืนยันตัวตน
- บัตรประกันสุขภาพ หรือบัตรประกันกลุ่ม หรืออาจเป็นข้อมูลกรมธรรม์ในแอปพลิเคชันของบริษัทประกัน
- บัตรโรงพยาบาล (ถ้ามี) เพื่อความรวดเร็วในการค้นหาประวัติ
ขั้นตอนการใช้สิทธิ์ที่โรงพยาบาล
- แจ้งสิทธิ์กับเจ้าหน้าที่ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เวชระเบียนหรือการเงินว่าคุณต้องการใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ, ประกันกลุ่ม หรือสิทธิ์อื่นๆ พร้อมยื่นบัตรประชาชนและบัตรประกันให้เจ้าหน้าที่
- ตรวจสอบสิทธิ์ เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบสิทธิ์และความคุ้มครองของคุณกับบริษัทประกัน ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกว่า Fax Claim หรือการตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์
- เข้ารับการรักษา หลังจากตรวจสอบสิทธิ์เรียบร้อย คุณก็สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาจากแพทย์ได้เลย
- ชำระเงิน (ถ้ามี) หากมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากวงเงินความคุ้มครอง หรือค่าใช้จ่ายที่ไม่ครอบคลุมในกรมธรรม์ คุณจะต้องชำระเงินส่วนต่างนั้นก่อนกลับบ้าน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาหารเป็นพิษ
ถ้าไม่มีประกันสุขภาพเลย แต่ต้องแอดมิท สามารถใช้สิทธิ์อะไรได้บ้าง
คุณยังสามารถใช้สิทธิ์พื้นฐานได้ครับ เช่น สิทธิ์ประกันสังคม (หากเป็นผู้ประกันตน) ณ โรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ หรือ สิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ณ สถานพยาบาลประจำตัว ซึ่งจะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดครับ
กรณีต้องสำรองจ่ายไปก่อนต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง และใช้เวลานานมั้ย
- ใบรับรองแพทย์
- ใบเสร็จรับเงินฉบับจริง
- แบบฟอร์มการเรียกร้องสินไหมของบริษัทประกัน
โดยระยะเวลาในการพิจารณาและคืนเงินจะอยู่ที่ประมาณ 7-15 วันทำการ (ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกันภัย) หลังจากบริษัทได้รับเอกสารครบถ้วนครับ
ความแตกต่างระหว่าง “ท้องเสียเฉียบพลัน” กับ “อาหารเป็นพิษ” มีผลต่อการเคลมประกันมั้ย
ในทางการแพทย์อาจมีความแตกต่างกัน แต่ในมุมของการเคลมประกันสุขภาพ ไม่มีผลแตกต่างกันครับ บริษัทประกันจะพิจารณาจากการวินิจฉัยของแพทย์และความจำเป็นในการรักษาเป็นหลัก ไม่ว่าแพทย์จะระบุว่าเป็นโรคใด หากมีความจำเป็นต้องรักษา ประกันก็พร้อมคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์
เข้าห้องฉุกเฉินเพราะอาหารเป็นพิษ แต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล ถือเป็นอุบัติเหตุฉุกเฉินมั้ย
ไม่ถือเป็นอุบัติเหตุครับ เพราะอาหารเป็นพิษจัดเป็นการเจ็บป่วย การรักษาในห้องฉุกเฉินแล้วกลับบ้าน จะถูกนับเป็นความคุ้มครองสำหรับผู้ป่วยนอก (OPD) ซึ่งจะเบิกได้ก็ต่อเมื่อแผนประกันของคุณมีความคุ้มครองส่วนนี้เท่านั้น
สรุปบทความ
มาถึงตรงนี้คงได้คำตอบกันแล้วว่า อาหารเป็นพิษสามารถเบิกได้อย่างแน่นอน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองในกรมธรรม์ประกันสุขภาพของตัวเอง โดยเฉพาะวงเงินสำหรับผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD) เพราะจะเป็นตัวกำหนดว่าประกันจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของคุณได้มากน้อยแค่ไหน การเตรียมพร้อมและรู้สิทธิ์ของตัวเองไว้ก่อน ย่อมดีกว่าเสมอครับ
เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตให้มากขึ้น เพราะนอกจากความเจ็บป่วยแล้ว อุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันเช่นกัน ให้ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) ช่วยดูแลคุณอีกชั้น ประกันติดโล่พร้อมให้บริการด้วยแผนประกันอุบัติเหตุจากบริษัทประกันภัยชั้นนำ ที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายทั้งค่ารักษาพยาบาลและมอบเงินชดเชยเมื่อภัยมา ให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจเต็มที่

