สรุปครบ! สอบใบขับขี่บิ๊กไบค์ มีขั้นตอนยังไง มีเกณฑ์อะไรบ้าง

หากคุณเป็นสายไบค์เกอร์หรือกำลังวางแผนที่จะเป็นเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าการขับขี่รถประเภทนี้ไม่ได้ใช้ใบขับขี่ประเภทเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่ต้องทำใบขับขี่ Bigbike โดยเฉพาะ ซึ่งประเทศไทยได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายนี้ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา เพื่อยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน และให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับในหลายประเทศทั่วโลก
บทความนี้ประกันติดโล่จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์อย่างละเอียด ทั้งคุณสมบัติของผู้สอบ เกณฑ์ที่ต้องรู้ ขั้นตอนการสอบ และสถานที่สอบ เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้อย่างครบถ้วนและถูกต้องครับ
รู้ไหม? ขับขี่บิ๊กไบค์ ต้องทำใบขับขี่แยกจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไป
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์นั้นจำเป็นต้องมีใบขับขี่เฉพาะ ซึ่งแตกต่างจากใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วไป เนื่องจากบิ๊กไบค์มีขนาดและกำลังของเครื่องยนต์ที่มากกว่า ทำให้การควบคุมรถต้องใช้ทักษะและความชำนาญในระดับที่สูงขึ้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่เองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ
กรมการขนส่งทางบกจึงได้กำหนดให้ผู้ที่ต้องการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ต้องผ่านการทดสอบความรู้และทักษะเฉพาะทาง โดยต้องผ่านการอบรมและสอบทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อให้ได้ใบขับขี่บิ๊กไบค์ ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนนให้สูงขึ้นครับ
แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่ารถจักรยานยนต์แบบไหนที่จัดอยู่ในประเภทบิ๊กไบค์ โดยกรมการขนส่งทางบกได้กำหนดเกณฑ์ไว้ดังนี้
รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ คือ รถจักรยานยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์ตั้งแต่ 35 กิโลวัตต์ขึ้นไป หรือเทียบเป็นแรงม้าได้ 47 แรงม้าขึ้นไป และมีความจุของกระบอกสูบตั้งแต่ 400 ลูกบาศก์เซนติเมตร (cc) ขึ้นไป
หากรถจักรยานยนต์ของคุณมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมา คุณจำเป็นต้องมีใบขับขี่บิ๊กไบค์เฉพาะ ไม่สามารถใช้ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ทั่วไปได้ การขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องอาจมีผลทางกฎหมาย รวมถึงอาจมีปัญหาในการเคลมประกันหากเกิดอุบัติเหตุอีกด้วยครับ
3 หลักเกณฑ์ต้องรู้ก่อนสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์
การสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์มีเกณฑ์และคุณสมบัติเฉพาะที่ผู้สอบต้องมี ซึ่งแตกต่างจากการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วไป โดยมี 3 หลักเกณฑ์สำคัญที่ต้องรู้ก่อนการสอบดังนี้
1. ต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
ใบขับขี่บิ๊กไบค์ อายุเท่าไหร่ถึงจะทำได้? คำตอบคือ ผู้ที่จะขอทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ค่อนข้างเปิดกว้าง เมื่อเทียบกับบางประเทศที่กำหนดอายุขั้นต่ำไว้ที่ 21 ปี เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสามารถในการควบคุมรถที่มีกำลังแรงสูงของผู้ขับขี่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในประเทศไทยจะอนุญาตให้ผู้ที่อายุ 18 ปีบริบูรณ์สามารถทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ได้ แต่หากคุณวางแผนที่จะใช้ใบขับขี่นี้ในต่างประเทศ ควรตรวจสอบกฎหมายของประเทศนั้นๆ ด้วย เนื่องจากบางประเทศอาจมีข้อกำหนดเรื่องอายุที่แตกต่างกันไปครับ
2. ต้องเคยทำใบขับขี่จักรยานยนต์ทั่วไปไม่ต่ำกว่า 3 ปี
นอกจากเรื่องอายุแล้ว ผู้ที่ต้องการสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์จะต้องเคยมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วไปมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี เพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้ขับขี่มีทักษะและประสบการณ์เพียงพอในการควบคุมรถจักรยานยนต์ ก่อนที่จะยกระดับไปขับขี่รถที่มีกำลังมากขึ้น
ยกเว้นสำหรับผู้ที่มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ประเภทตลอดชีพ จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องผ่านเกณฑ์การถือครองใบขับขี่ 3 ปี และสามารถยื่นขอทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ได้ทันที แต่ในปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้ยกเลิกการออกใบขับขี่ประเภทตลอดชีพแล้ว โดยปรับให้ใบขับขี่ทุกประเภทต้องมีการต่ออายุทุก 5 ปีครับ
3. ต้องผ่านอบรมใบขับขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์
หลักเกณฑ์สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ผู้ขอใบขับขี่บิ๊กไบค์ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรการขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก โดยการอบรมนี้จะครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการขับขี่รถบิ๊กไบค์อย่างปลอดภัย
การอบรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ขับขี่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎจราจร เทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย การควบคุมรถในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการดูแลและบำรุงรักษารถบิ๊กไบค์ เมื่อผ่านการอบรมแล้ว ผู้เข้าอบรมจะได้รับใบรับรองซึ่งเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องนำไปยื่นประกอบการขอใบขับขี่บิ๊กไบค์ต่อไปครับ
ใบขับขี่บิ๊กไบค์ ทําที่ไหนได้บ้าง
การทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ สามารถทำได้ที่สำนักงานขนส่งทางบกทุกแห่งทั่วประเทศ โดยคุณสามารถไปติดต่อได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขาที่อยู่ใกล้บ้านคุณ แต่ก่อนเดินทางไป แนะนำให้โทรสอบถาม หรือจองคิวล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ของกรมการขนส่งทางบก เพื่อความสะดวกรวดเร็วครับ
ขั้นตอนการสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์
การสอบใบขับขี่บิ๊กไบค์มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ต้องเตรียมเอกสารและตัวเองให้พร้อมก่อนเข้าสอบ โดยมีขั้นตอนดังนี้
- เตรียมเอกสารให้พร้อม ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์ที่มีอายุไม่เกิน 1 เดือน ระบุว่าไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตรายต่อการขับขี่
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วไปที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 3 ปี
- ใบรับรองการผ่านการอบรมหลักสูตรการขับขี่รถบิ๊กไบค์จากสถาบันที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง
- จองคิวเข้าสอบ สามารถจองคิวได้ 3 ช่องทาง
- จองคิวด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่ง
- จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue
- จองคิวทางโทรศัพท์ผ่านหมายเลข 1584 หรือ 02-271-8888
- ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ประกอบด้วย
- การทดสอบการมองเห็นสี
- การทดสอบสายตาทางลึก
- การทดสอบสายตาทางกว้าง
- การทดสอบปฏิกิริยาการใช้เท้า (ความสามารถในการใช้เบรก)
- เข้ารับการอบรม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง เกี่ยวกับกฎจราจร เทคนิคการขับขี่อย่างปลอดภัย และความรู้เฉพาะทางสำหรับการขับขี่บิ๊กไบค์
- สอบภาคทฤษฎีผ่านระบบ E-exam เป็นการทดสอบความรู้ด้านกฎจราจรและการขับขี่อย่างปลอดภัย
- สอบภาคปฏิบัติ เป็นการทดสอบทักษะการขับขี่ในสนามจริง โดยมีท่าทดสอบดังนี้
- การขับรถโดยปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร
- การขับรถทางตรงบนทางแคบ
- การขับรถผ่านทางโค้งรัศมีแคบรูปตัว Z
- การขับรถผ่านทางโค้งซ้าย และโค้งขวารูปตัว S
- การขับรถหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
- ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบขับขี่ หลังจากสอบผ่านทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพื่อรับใบขับขี่ โดยเจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ใบอนุญาตขับขี่ให้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายทันที
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่มีรถบิ๊กไบค์ในครอบครองมาแล้วกว่า 2 ปีก่อนกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ (ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2564) จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องสอบภาคปฏิบัติ สามารถยื่นขอทำใบขับขี่บิ๊กไบค์ได้ทันที เพื่อความสะดวกของผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่อยู่แล้วครับ
สรุป ขับบิ๊กไบค์ถูกกฎหมาย ต้องใช้ใบขับขี่ให้ถูกประเภท
การขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์อย่างถูกกฎหมายนั้น จำเป็นต้องมีใบขับขี่ให้ถูกประเภท นั่นคือใบขับขี่บิ๊กไบค์โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ขอใบอนุญาตต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ทั่วไปมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และผ่านการอบรมหลักสูตรการขับขี่รถบิ๊กไบค์ที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก
การมีใบขับขี่ที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างถูกกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในกรณีเกิดอุบัติเหตุอีกด้วยนอกจากการมีใบขับขี่ที่ถูกต้องแล้ว การทำประกันรถจักรยานยนต์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสำหรับรถบิ๊กไบค์ที่มีมูลค่าสูง ประกันติดโล่ขอแนะนำให้ผู้ขับขี่บิ๊กไบค์ทำประกันภัยรถมอเตอร์ไซค์ให้ครอบคลุมความเสียหายทั้งต่อตัวรถ ตัวผู้ขับขี่ และบุคคลภายนอก เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างอุ่นใจในทุกเส้นทาง และหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คุณก็จะได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การมีใบขับขี่ที่ถูกประเภทยังเป็นเงื่อนไขสำคัญในการเคลมประกันอีกด้วยครับ
ที่มา: Tleasing, Info Portal