วิธีขับรถขึ้นเขาฉบับมืออาชีพ ด้วยเกียร์ออโต้ และเกียร์กระปุก

7,612

การขับรถขึ้นเขา-ลงเขาอาจเป็นเรื่องยากสำหรับคนขับรถหลายคน โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับหรือผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการขับรถบนทางลาดชัน เพราะต้องใช้ทักษะในการขับขี่หลายอย่างไปพร้อม ๆ กัน เช่น การเลือกใช้เกียร์ที่เหมาะสม การรักษาความเร็วให้คงที่ และการตัดสินใจที่ดี ต่างต้องใช้ความระมัดระวังและสมาธิเป็นอย่างมาก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็ว ประกันติดโล่จะมาแนะนำเทคนิคสำคัญเกี่ยวกับวิธีขับรถขึ้นเขาใช้เกียร์อะไรให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง

ขับรถขึ้นเขาใช้เกียร์อะไร

ขับรถขึ้นเขา-ลงเขาเกียร์กระปุก ต้องใช้เกียร์อะไรบ้าง?

รถเกียร์กระปุก หรือ Manual คือ รถยนต์ที่คนขับต้องจัดการทุกอย่างเอง เช่น เข้าเกียร์ เปลี่ยนเกียร์ หรือปล่อยคลัตช์ ให้เหมาะสมกับการขับขี่ ณ ขณะนั้น สำหรับใครที่สงสัยว่าขับรถขึ้นเขาใช้เกียร์อะไร สำหรับเกียร์กระปุก มีดังนี้ครับ

  1. วิธีขับรถขึ้นเขาต้องใช้เกียร์ต่ำ

    ต้องบอกก่อนครับว่า ขับรถขึ้นเขาหรือลงเขาผู้ขับรถมือใหม่ที่ไม่เคยขับรถขึ้นดอยเลยอาจคาดคะเนไม่ถูกว่าทางขึ้นเขาจะมีความชันมากแค่ไหน ดังนั้น ให้รู้เอาไว้เลยครับว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ขับรถขึ้นเขาแล้วความเร็วรถถูดลดลง ควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ (เกียร์1หรือ เกียร์​ 2) เพราะถ้าใช้เกียร์สูงมากกว่านี้ เครื่องยนต์จะไม่ไม่มีพลังมากพอในการฉุดให้รถขึ้นเขาได้

  2. ขับรถขึ้นเขาแล้วต้องหยุดระหว่างทาง

    ในขณะที่ขับรถขึ้นดอย แล้วจำเป็นต้องหยุดรถ หากจะเริ่มเดินทางต่ออีกครั้ง ให้สตาร์ทรถแล้วเข้าเกียร์​ 1 พร้อมกับใช้ปลดเบรคมือควบคู่กัน เพราะช่วยให้รถไม่ไหลเวลาที่คุณถอนเท้าออกจากคลัตช์นั่นเอง

  3. ขับรถลงเขาต้องใช้เกียร์อะไร

    ขับรถลงเขาต้องใช้เกียร์อะไร คำตอบคือ เกียร์​ 1 หรือ เกียร์ 2 เช่นเดียวกับขับรถขึ้นเขาเลยครับ จริง ๆ จะปล่อยให้ไกลไปก็ได้ด้วยเกียร์ว่าง เพราะเป็นทางลาดลงเหมือนสไลด์เดอร์ แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอครับ ใครเลยจะรู้ว่าจะมีสัตว์ป่าออกมาตอนไหน จะได้สามารถควบคุมเบรคได้ทัน ไม่ให้รถเสียการทรงตัวครับ

เกียร์ออโต้ขึ้นเขา

วิธีขับรถเกียร์ออโต้ขึ้นเขา-ลงเขา ต้องขับอย่างไร?

เกียร์ออโต้ หรือ Automatic เป็นเกียร์รถยนต์ที่ทำให้ผู้ขับขับรถง่ายขึ้น ถ้าขับรถบนถนนทางหลวงในเมือง เพียงใช้ตำแหน่ง D ก็สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ขับรถเกียร์ออโต้ขึ้นเขาไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ

  1. ขับรถขึ้นเขาด้วยเกียร์ออโต้

    ดูความชันของเส้นทางด้วยว่าชันมากหรือชันน้อย หากขับเกียร์ D แล้วเครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น ให้เปลี่ยนมาใช้เกียร์ D1-D2 เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปได้ และหาความเร็วที่เหมาะสมเพื่อควบคุมรถ

    หลังจากนั้นค่อยกลับมาใช้เกียร์​ D ถ้าเป็นทางราบปกติ หากขับเกียร์​ D ตลอดระยะทางก็ทำได้ครับ แต่จะทำให้เกียร์ร้อนได้ การใช้เกียร์ต่ำเลยทำให้รถวิ่งได้อย่างต่อเนื่อง

  2. ขับรถลงเขาด้วยเกียร์ออโต้

    เช่นเดียวกับวิธีขับรถขึ้นเขาด้วยเกียร์กระปุกเลยครับคือ ห้ามใส่เกียร์ว่าง หรือ N เพราะจะทำให้รถไหลแล้วเสียการควบคุม ทางที่ดีควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ D1-D2 เพื่อรักษาความเร็วของรถให้เสถียร รถจะวิ่งหน่วง ๆ และช้าลง ทำให้คุณขับรถลงเขาอย่างปลอดภัย แล้วที่สำคัญไม่เหยียบคันเร่ง และไม่เหยียบเบรคยาว ๆ

ขับรถขึ้นเขา-ลงเขาเกียร์กระปุก ต้องใช้เกียร์อะไร

  1. วิธีขับรถขึ้นเขาต้องใช้เกียร์ต่ำ

    ต้องบอกก่อนครับว่า ผู้ขับรถมือใหม่ที่ไม่เคยขับรถขึ้นดอยเลยอาจคาดคะเนไม่ถูกว่าทางขึ้นเขาจะมีความชันมากแค่ไหน ดังนั้น ให้รู้เอาไว้เลยครับว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ขับรถขึ้นเขาแล้วความเร็วรถถูกลดลง ควรเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำ คือ เกียร์ 1 หรือ เกียร์​ 2 เพราะถ้าใช้เกียร์สูงมากกว่านี้ เครื่องยนต์จะไม่ไม่มีพลังมากพอในการฉุดให้รถขึ้นเขาได้

  2. ขับรถขึ้นเขาแล้วต้องหยุดระหว่างทาง

    ในขณะที่ขับรถขึ้นดอย แล้วจำเป็นต้องหยุดรถ หากจะเริ่มเดินทางต่ออีกครั้ง ให้สตาร์ทรถแล้วเข้าเกียร์​ 1 พร้อมกับใช้ปลดเบรคมือควบคู่กัน เพราะช่วยให้รถไม่ไหลเวลาที่คุณถอนเท้าออกจากคลัตช์นั่นเอง

  3. ขับรถลงเขาต้องใช้เกียร์อะไร

    ขับรถลงเขาต้องใช้เกียร์อะไร คำตอบคือ เกียร์​ 1 หรือ เกียร์ 2 เช่นเดียวกับขับรถขึ้นเขาเลยครับ จริง ๆ จะปล่อยให้ไหลไปก็ได้ด้วยเกียร์ว่าง เพราะเป็นทางลาดลงเหมือนสไลด์เดอร์ แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอครับ ใครเลยจะรู้ว่าจะมีสัตว์ป่าออกมาตอนไหน จะได้สามารถควบคุมเบรคได้ทัน ไม่ให้รถเสียการทรงตัวครับ

เทคนิคการขับเกียร์กระปุกและเกียร์ออโต้ขึ้นเขา

4 เทคนิค การขับเกียร์กระปุกและเกียร์ออโต้ขึ้นเขาที่เหมือนกัน

เพื่อให้คุณสามารถขับรถได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นรถเกียร์กระปุกหรือรถเกียร์ออโต้ในการขึ้นเขาหรือทางลาดชันได้อย่างมืออาชีพ เราจึงได้สรุปเทคนิคการขับที่เหมือนกันสามารถใช้ขับขึ้นลงเขาได้ทั้ง 2 เกียร์ ดังนี้

  1. ความเร็วในการขับรถขึ้นเขา

    ด้วยความที่การขับรถขึ้นดอย หรือขับรถขึ้นเขาเป็นเส้นทางที่ชันมาก ทำให้ต้องรักษาความเร็วอยู่ที่ 50-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะถ้าขับไวมาก ๆ จะทำให้คุณสูญเสียการบังคับรถ เหยียบเบรครถยนต์ได้ยาก และก่อให้เกิดอุบัติเหตุรถชน หรือขับรถตกเขาได้

  2. ความเร็วในการขับรถลงเขา

    ก่อนอื่นต้องหมั่นเหยียบเบรครถยนต์เป็นระยะ เพราะถ้าเหยียบค้างนาน ๆ จะทำให้เกิดเบรคไหม้ หรือเบรกแตกได้ครับ และความเร็วควรรักษาระดับให้คงที่ 30-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

  3. ความเร็วที่ไม่ให้ขับรถหลุดโค้ง

    ขับรถบนถนนทางหลวงเวลาเข้าโค้งก็ว่าอันตรายแล้ว แต่ขับรถขึ้นลงเขาและต้องเข้าโค้ง คงทวีคูณความน่ากลัวสำหรับมือใหม่มาก ๆ เพราะถ้าหลุดโค้งขึ้นมาจะทำให้ร่างกายและทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้น ควรลดความเร็วให้อยู่ที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงครับ

  4. ปล่อยเกียร์ว่างทำให้รถไหล

    ปกติแล้วเรามักจะใช้เกียร์ว่างไว้เวลาจอดรถซ้อนคันอื่นในลานจอดรถ เพื่อให้ใครก็ตามสามารถเข็นรถไปมาได้ แต่ในกรณีนี้ที่ขับรถลงเขา ไม่ควรใช้เกียร์ว่าง เพราะทางลงเขาเป็นทางลาดเหมือนสไลเดอร์ ทำให้รถไหลด้วยความเร็วสูง จึงควบคุมหรือใช้เบรกได้อยาก ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุรถชนได้

ไม่อยากเบรคแตกตอนลงเขา ประกันติดโล่สรุปให้!


ย้ำอีกครั้งว่า ห้ามเหยียบเบรคค้างไว้นาน ๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรคไหม้หรือเบรคแตกได้ ให้ค่อย ๆ แตะเบรคพร้อมใช้เกียร์​ 1 หรือ เกียร์ 2 สำหรับเกียร์กระปุก และใช้เกียร์ D1-D2 สำหรับเกียร์ออโต้ในการขับรถลงเขา และอย่าลืมสังเกตการณ์ใช้งานของเบรคว่าต้องเปลี่ยนผ้าเบรครถแล้วหรือไม่ เพื่อให้การเดินทางขึ้นเขา-ลงเขาหรือทางลาดชันปลอดภัยมากที่สุด

ขับรถลงเขา

ขับรถขึ้นเขา-ลงเขาก็ไม่หวั่น เพราะมีประกันรถยนต์

การเช็ครถก่อนออกเดินทางไกล หรือออก Road Trip ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการท่องเที่ยวไปกับเพื่อนหรือครอบครัวได้อย่างแน่นอน แต่หลายคนอาจหมดสนุกหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้ปัญหาเบาลงและความหงุดหงิดหายไปได้ก็คือ การทำประกันรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถชั้น 1 ประกันชั้น 2+ หรือ ประกันชั้น 3+

เพราะประกันรถยนต์จะทำหน้าที่คุ้มครองความเสี่ยงให้กับคุณเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ไม่ว่าจะรถชนกันเอง รถชนในซอย หรือขับรถขึ้นเขาแล้วรถชน ต่อให้เป็นมืออาชีพที่ขับรถแบบเก่งกาจ หรือมือใหม่หัดขับรถก็ต้องพึ่งพาประกันรถยนต์ทั้งสิ้น

ซึ่งประกันรถยนต์​ ประกันติดโล่ จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการขับรถของคุณ หากคุณอยากหาประกันรถยนต์ใหม่ แล้วไม่รู้จะซื้อประกันรถยนต์ที่ไหนดี ต้องประกันติดโล่สิครับ เพราะมีให้เลือกถึง 16 บริษัทประกันรถยนต์ รวมไปถึงการผ่อนจ่าย 0% นาน 6 เดือน แล้วที่สำคัญสามารถขอเคลมได้ในขณะที่ผ่อนจ่ายอีกด้วย

สรุป ขับรถขึ้นเขา-ลงเขา ต้องใช้เกียร์อะไรบ้าง?

เพื่อให้คุณถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย หัวใจสำคัญของการขับรถขึ้นเขา-ลงเขา คือ การควบคุมความเร็วรถกับเกียร์ให้ทำงานสัมพันธ์กัน เพื่อให้รถสามารถวิ่งต่อไปได้เรื่อย ๆ เครื่องยนต์ทำงานได้ตามปกติ ผ้าเบรคไม่ไหม้จนทำให้เบรคแตก ซึ่งเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เกียร์จะขึ้นอยู่กับความชันของเนินเขาและประเภทของรถที่ขับด้วยเช่นกัน และที่สำคัญ ควรเช็คสภาพรถยนต์ก่อนออกเดินทางเสมอ และทำประกันรถยนต์เพิ่มความสบายใจในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สนใจ ประกันรถยนต์

กรอกข้อมูลติดต่อ

นอกจากประกันรถยนต์ อยากได้อะไรเพิ่ม?
การกดส่งข้อมูลแสดงว่าคุณอ่านและรับทราบ
นโยบายความเป็นส่วนตัว เรียบร้อยแล้ว

บทความแนะนำ
  • ข้อสอบใบขับขี่พร้อมเฉลย ล่าสุด 2567
    รวมเฉลยข้อสอบใบขับขี่ 2566 อย่างละเอียด ไม่อยากสอบหลายรอบมาเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบจริงกับแนวข้อสอบใบขับขี่ภาคทฤษฎี 50 ข้อพร้อมเฉลย
    232,011
  • รถเป็นรอยขูดทำไงดี เคลมประกันชั้น 1 ได้ไหม จ่ายค่าเสียหายส่วนแรกกี่บาท
    อยู่ๆ รถสุดที่รักก็โดนขูดเป็นรอยลึก หาตัวคนผิดก็ไม่ได้ คู่กรณีก็ไม่มี แล้วแบบนี้ประกันรถยนต์จะรับเคลมไหม ต้องจ่ายค่าทำสีรถใหม่เองหรือเปล่า ทำยังไงได้บ้าง?
    129,268
  • ไม่หลบรถพยาบาลเปิดไซเรน ระวังผิดกฎหมายรถฉุกเฉิน และเจตนาฆ่า!
    รถพยาบาลฉุกเฉินเปิดไฟวับวาบและเปิดเสียงไซเรน คุณควรหลีกทางให้รถพยาบาลแบบด่วนๆ เพราะถ้าฝ่าฝืนทำตัวขวางโลกรู้ไหมว่าผิดกฎหมายรถฉุกเฉิน และมีเจตนาฆ่าด้วย!
    128,653