ขับรถชนกันแล้วเป็นฝ่ายผิด คู่กรณีเรียกค่าทำขวัญทำยังไงดี?
ใช้รถใช้ถนนอยู่ทุกวันย่อมมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ต่อให้ไม่ประมาทก็มีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนได้ เช่น ขับรถหน้าฝน เบรกรถยนต์ขัดข้อง ส่งผลให้รถยนต์ประสานงากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ต่างฝ่ายต่างต้องเสียขวัญแน่ๆ เพราะมันเกิดขึ้นเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ทำให้ประกันติดโล่สงสัยขึ้นมาว่าในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด แล้วคู่กรณีเรียกร้องค่าทำขวัญต้องทำยังไงดี ประกันรถจะจ่ายไหม?
ค่าทำขวัญคืออะไร?
ค่าทำขวัญ คือ เงินที่จ่ายเพื่อปลอบขวัญ หรือชดเชยความเสียหายทางจิตใจที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจให้แก่คู่กรณี เป็นแนวปฏิบัติที่ยอมรับกันในสังคมไทย เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และความเห็นอกเห็นใจกัน โดยประกันติดโล่พบว่า “ค่าทำขวัญ” ไม่ได้มีระบุไว้อย่างชัดเจนในกฎหมาย หากโดนรถชนเรียกค่าทําขวัญเท่าไหร่นั้น จะขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างคู่กรณี หรือถ้าตกลงกันไม่ได้ คู่กรณีเรียกเงินเกินจริง อาจต้องใช้กระบวนการทางกฎหมาย และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล
โดนเรียกค่าทำขวัญ เราเป็นฝ่ายผิด ต้องทำอย่างไร

เมื่อเกิดเหตุรถชนโดยที่สามารถตัดสินได้ทันทีเลยว่าเราเป็นฝ่ายผิด แน่นอนว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเสียหายต่างๆ แต่อย่างพึ่งด่วนตัดสินใจให้ค่าทำขวัญไปในทันที ประกันติดโล่ขอยกตัวอย่าง 2 สถานการณ์ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เราควรรับมืออย่างไรในสถานการณ์จริง
สิ่งที่ควรทำเมื่อรถชน เราเป็นฝ่ายผิดแต่มีประกันรถยนต์
ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ประกันมาจัดการ แนะนำให้คุณถ่ายรูปหรือวิดีโอของรถยนต์ที่เสียหาย บรรยากาศโดยรอบเก็บเอาไว้ในเบื้องต้นด้วยก็จะดีมาก หรือถ้ามีกล้องหน้ารถก็สามารถใช้ไฟล์นั้นได้เลย เพื่อนำเรื่องไปไกล่เกลี่ยกันอีกที ถ้าเกิดว่าคู่กรณีจะเล่นแร่แปรธาตุหัวใสเอาเปรียบคุณ เพื่อเรียกค่าทำขวัญรถชนกันในครั้งนี้ คุณก็ยังมีหลักฐานเพื่อยืนยัน
สิ่งที่ควรทำเมื่อรถชนแต่ไม่มีประกันรถยนต์ทั้งคู่
ถ้าเกิดว่ารถชนกันแล้วไม่มีประกันรถยนต์ทั้งคู่ ประกันติดโล่แนะนำว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ นำรูปถ่ายหรือวิดีโอต่างๆ ที่ได้ถ่ายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุ ไปเจรจาค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อหน้าคนกลางอย่างตำรวจ เพื่อจะได้จ่ายค่าเสียหายอย่างเหมาะสม รวมไปถึงคุยเรื่องค่าทำขวัญที่คุณถูกเรียกร้องจากคู่กรณีอีกด้วย
“สรุปว่าค่าทำขวัญที่คู่กรณีเรียกร้องมา คุณที่เป็นฝ่ายผิดจะจ่ายหรือไม่จ่ายก็ได้ ในกรณีที่จะจ่ายก็ให้เจ้าหน้าที่บริษัทประกันเป็นผู้ไกล่เกลี่ย แล้วรวมไปในค่าเสียหายที่คู่กรณีสามารถเรียกร้องได้ตามความคุ้มครองของประกันรถยนต์ แต่ถ้าคุณจะไม่จ่ายเพราะรู้สึกว่าคู่กรณีเรียกเงินเกินจริง ก็สามารถฟ้องร้องแล้วไปขึ้นโรงขึ้นศาลได้เลยครับ”
ให้ค่าทำขวัญเลยได้หรือไม่ หากรู้สึกผิด

หากคุณเป็นฝ่ายผิดและต้องการจ่ายค่าทำขวัญจากรถชนให้กับคู่กรณีด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือต้องการให้เรื่องจบลงด้วยดี สามารถทำได้ แต่ควรรอให้เจ้าหน้าที่บริษัทประกันมาถึงก่อน เพราะหากคุณรีบให้เงินทำขวัญไปก่อน อาจทำให้บริษัทประกันไม่สามารถเข้ามาช่วยดูแลได้เต็มที่ และหากจำนวนเงินที่ให้ไปไม่เป็นที่พอใจของคู่กรณี อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบริษัทประกันที่เชี่ยวชาญในการเจรจาจัดการเรื่องนี้จะดีกว่า
ค่าทำขวัญ คิดยังไง เรียกได้เท่าไหร่
สำหรับการเรียกค่าทำขวัญ ตามกฎหมายแล้วไม่มีการกำหนดจำนวนเงินเป็นหลักเกณฑ์ให้ยึดตาม โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องตกลงค่าเสียหายหรือค่าทำขวัญกันเอง ซึ่งบริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ เพราะกรมธรรม์จะครอบคลุมเฉพาะค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริงและสามารถพิสูจน์ได้ เช่น ค่าซ่อมรถหรือค่ารักษาพยาบาล หากคู่กรณีต้องการเรียกค่าทำขวัญ คุณและเจ้าหน้าที่ประกันต้องร่วมกันเจรจาตกลงจำนวนเงินที่เหมาะสม หากตกลงกันไม่ได้ สามารถให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยได้เช่นกัน
รู้ไว้ไม่เสียหาย! ถ้าขับรถชน คู่กรณีจะเรียกร้องอะไรจากคุณบ้

การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีถูกรถชน คู่กรณีของเรา หรือผู้ที่เป็นฝ่ายถูก จะเรียกร้องค่าเสียหายจากเราผู้เป็นฝ่ายผิดได้ตามความคุ้มครองของพ.ร.บ.รถยนต์ (ประกันภาคบังคับ) และประกันรถยนต์ (ประกันภาคสมัครใจ) กรณีที่ได้ทำประกันไว้ ซึ่งค่าทำขวัญหรือค่าตกใจนั้น เวลาต้องจ่ายให้คู่กรณีจะถูกรวมไปอยู่ใน “ค่าเสียหาย” ดังนั้น เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่คุณตกเป็นฝ่ายผิด มาดูกันว่า ผู้เป็นฝ่ายถูกจะเรียกร้องค่าสินไหมจากคู่กรณีอะไรได้บ้าง
1. ค่าเสียหายของยานพาหนะจากอุบัติเหตุรถชน
เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน สิ่งแรกที่คู่กรณีจะคิดเลยก็คือ โดนรถชนเรียกร้องอะไรได้บ้าง?
คู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูก จะเรียกร้องค่าเสียหายเกี่ยวกับยานพาหนะได้ทันที ถ้าคุณไม่มีประกันรถยนต์ก็ต้องคุยให้รู้เรื่องว่าจะนำเงินมาชดใช้ค่าเสียหายเมื่อไหร่ แต่ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ชั้น 1ประกันชั้น 2+ หรือประกันรถชั้น 3+ ก็รอให้เจ้าหน้าที่ประกันไปถึงที่เกิดเหตุ แล้วทำการไกล่เกลี่ยค่าเสียหายจากยานพาหนะในลำดับถัดไป ดังนั้น กรณีรถโดนชนท้ายเรียกร้องอะไรได้บ้าง คู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูก สามารถเรียกค่าเสียหายเกี่ยวกับยานพาหนะได้ทันทีครับ
2. ค่ารักษาพยาบาลและค่ารักษาตัวของคู่กรณีหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถชน

เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนจนได้รับบาดเจ็บ รถชน รถล้มแผลถลอก ค่ารักษาพยาบาลและค่ารักษาตัวต่างๆ สามารถเบิกพ.ร.บ.รถยนต์ได้ทันที เพราะรถทุกคันจะต้องต่อ พ.ร.บ.รถยนต์เป็นประจำทุกปี เป็นประกันรถยนต์ภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี ให้ความคุ้มครองทั้งคนขับ คนในรถ และคู่กรณี จ่ายชดเชยให้แม้คุณจะเป็นฝ่ายผิด
แต่เวลาเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นมาความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.รถยนต์อาจไม่พอ ซึ่งประกันรถยนต์ภาคสมัครใจจะเป็นช่วยจ่ายค่าเสียหายในส่วนเกินจาก พ.ร.บ.รถยนต์ โดยความคุ้มครองขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ซื้อประกันรถยนต์ชั้นไหนไว้ เช่น การเรียกร้องค่าสินไหมจากประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณี หรือประกันชั้น 3 คุ้มครองแค่คู่กรณี
3. ค่าทรัพย์สินเสียหายหรือสูญเสียขณะเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากคู่กรณีจะเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถได้แล้ว ยังสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากทรัพย์สินต่างๆ ที่อยู่ในรถได้อีกด้วย เช่น โน๊ตบุ๊กพัง โทรศัพท์มือถือ กล้อง เป็นต้น แต่การชดเชยค่าเสียหายของประกันรถยนต์จะพิจารณาจากค่าเสื่อมสภาพของทรัพย์สินนั้น แถมยังต้องพิสูจน์ว่าคู่กรณีเป็นเจ้าของจริงๆ ด้วยไหม ซึ่งเรื่องนี้ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ ทางเจ้าหน้าที่บริษัทประกันก็จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยให้คุณเอง
4. ค่าเสียหายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงจากอุบัติเหตุ
อย่างที่ประกันติดโล่บอกไปว่าอุบัติเหตุรถชนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมากๆ ไม่ใช่แค่รถยนต์เสียหาย หรือมีคนบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังทำให้คู่กรณีเสียโอกาสอื่นๆ ในวันข้างหน้าไปด้วย แล้วที่สำคัญรถยนต์อาจเป็นยานพาหนะเดียวของคู่กรณีที่จะเติมเต็มโอกาสที่ว่านั่น ดังนั้น คู่กรณีผู้เป็นฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องค่าสินไหมจากคู่กรณีซึ่งเป็นฝ่ายผิดได้อีก ดังนี้
- ค่าขาดประโยชน์จากรถยนต์: คู่กรณีต้องใช้รถยนต์ขับไปทำงานในทุกวัน เมื่อคู่กรณีหายดีแต่ไม่มีรถใช้เพราะกำลังซ่อมอยู่เลยต้องใช้วิธีเดินทางไปทำงานแบบอื่น คุณก็ต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้
- ค่ารถลากไปซ่อม: ถ้าขับรถชนเสาไฟฟ้าคุณก็จ่ายแค่ค่ารถลากให้ตัวเอง แต่เมื่อไปชนรถคันอื่นๆ แล้วมีคู่กรณี ชนชนิดที่ว่ารถไม่สามารถขับไปอู่รถยนต์เองได้ คุณก็ต้องออกค่ารถลากให้คู่กรณีด้วย
สรุป เมื่อโดนคู่กรณีเรียกค่าทำขวัญ ให้ประกันช่วยเคลียร์
ค่าทำขวัญไม่ได้มีระบุเอาไว้ในกฎหมาย แต่ถ้าถูกเรียกร้องค่าทำขวัญในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดจากอุบัติเหตุรถชนแล้วอยากจ่ายก็สามารถทำได้ โดยจ่ายเป็นค่าเสียหายตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ เช่น ค่ายานพาหนะเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น โดยเรื่องนี้คุณสามารถให้เจ้าหน้าที่บริษัทประกันไกล่เกลี่ยได้เลยครับ แต่ถ้าไม่มีประกันรถยนต์ก็ต้องไปไกล่เกลี่ยผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือขึ้นโรงขึ้นศาลนั่นเอง
เห็นมั้ยว่า ในยามที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ หากเราต้องเป็นคนดำเนินการต่างๆ ด้วยตัวเอง มีความยุ่งยากแค่ไหน ให้ประกันติดโล่ช่วยดูแลคุณด้วยประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะรถใหม่หรือรถเก่า ขับเยอะขับน้อย ก็เลือกได้ตามความต้องการ เข้าเปรียบเทียบหรือเช็กค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่เว็บไซต์ประกันติดโล่ได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, คมชัดลึก

